จริงๆ แล้วการเกิด โรคข้อเข่าเสื่อม ถ้าไม่ได้เกิดจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก็สามารถเกิดจากกรรมพันธุ์ อุบัติเหตุ รวมถึงพฤติกรรมที่เราทำอยู่ทุกๆ วันโดยไม่ต้องรอให้อายุมาก ถ้าอย่างนั้นเรามาลองสังเกตตัวเองดูสักหน่อยดีไหมว่า มีสัญญาณหรืออาการเตือนใดบ้าง ว่าเราอาจจะกำลังเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้ว
ส่วนใหญ่มักจะมีอาการผิดปกติ เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนอาจไม่ทันได้ใส่ใจหรือสังเกตตัวเองนัก ซึ่งหากรู้ตัวแต่เนิ่นๆ และปรึกษาแพทย์ก็น่าจะช่วยให้อาการต่างๆ หายไป หรือดีขึ้นได้ เช่น
บางคนแค่เดินบนพื้นราบก็ปวดหัวเข่าแล้ว หรือบางคนจะรู้สึกปวดมากขึ้นเวลาขึ้นหรือลงบันไดที่ต้องทิ้งน้ำหนักที่หัวเข่ามากกว่าปกติ หรือบางกรณี อาจจะเป็นเฉพาะเวลากลางคืน ที่รู้สึกปวดจนนอนไม่หลับ หรือหลับได้ไม่ดี บางคนนั่งขัดสมาธิหรือนั่งพับเพียบแล้วอาการจะปวดมากจนไม่สามารถนั่งอยู่ในท่านั้นๆ ได้นาน หรือในบางรายจะรู้สึกปวดเมื่อใช้มืดกดบริเวณหัวเข่า เป็นต้น
บางคนจะเป็นตอนเช้าหลังตื่นนอนใหม่ๆ รู้สึกข้อฝืดๆ ขยับลำบากกว่าช่วงเวลาอื่น บางคนอาจจะรู้สึกเวลาขยับเข่าและเป็นเฉพาะข้างใดข้างหนึ่ง และอาจจะไม่ได้เป็นสม่ำเสมอตลอดเวลา บางคนเมื่อไหร่ที่ต้องนั่งพับเพียบจะรู้สึกเข่าตึงๆ ฝืดๆ ขยับข้อเข่าได้ไม่ปกติ ก็เข้าข่ายนี้เช่นกัน แต่อาจจะยังเป็นไม่มากจนทำให้มีเสียงดังลั่นในข้อ
เช่น บางคนยืนอาบน้ำนานๆ ไม่ได้เพราะปวดเข่า จนทำให้ต้องใช้วิธีนั่งอาบน้ำ หรือบางคนขึ้น-ลงบันไดหลายๆ ขั้นไม่ไหว หรือเดินเป็นระยะทางไกลๆ ไม่ค่อยได้ หรือบางคนมีปัญหาหนักถึงขนาดลำบากในการใส่หรือถอดกางเกง หรือบางคนนั่งนานๆ แล้วลุกไม่ไหว ต้องมีคนมาช่วยพยุง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ตัวว่าหัวเข่าไม่ปกติ คนส่วนใหญ่มักจะละเลย คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงไม่ค่อยทำการรักษาหรือพบแพทย์ แต่การปล่อยไปเรื่อยๆ ก็มักทำให้อาการค่อยๆ ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ ในขณะที่หากทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีโอกาสรักษาให้หายได้โดยไม่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเข่าเสื่อมตามมาในอนาคต ฉะนั้น เราจึงควรหมั่นสังเกตตัวเอง หากพบอาการต่างๆ ที่กล่าวมา หรือมีความผิดปกติใดๆ ให้รีบพบแพทย์จะดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีอาการติดต่อกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว และไม่มีวี่แววว่าอาการจะดีขึ้นเองได้