“ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน” เป็นโรคที่เกิดมาจากสัมผัสสิ่งของที่สกปรกรอบตัวเราในแต่ละวัน ซึ่งสิ่งของนั้นอาจมี “เชื้อโรคปนเปื้อนอยู่” โดยที่เชื้อโรคนั้นเข้าสู่ร่างกาย จากการหยิบจับอาหารเข้าปาก หรือรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด ส่งผลให้เกิด “โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน” ตามมานั้นนั่นเอง
ทำความรู้จัก! โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน
โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีสารพิษหรือเชื้อโรคเข้าไป โดยทั่วไปในทางการแพทย์จะถือว่า อาหารที่เป็นต้นเหตุของโรคลำไส้คืออาหารมื้อล่าสุดก่อนเกิดอาการ แต่สำหรับโรคติดเชื้อทางลำไส้นั้นจะไม่แน่นอนเสมอไป ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ได้รับเชื้อไปจนถึงเวลาที่มีอาการเกิดขึ้นจะเรียกว่าระยะฟักตัว อันเป็นลักษณะของโรคติดเชื้อ โดยสามารถใช้เวลาก่อนเกิดอาการเพียงไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายวันหลังจากได้รับเชื้อก็เป็นได้
ประเภทของลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากการติดเชื้อ
1.เกิดจากพิษของแบคทีเรีย
เป็นไปในลักษณะที่ไม่มีการรุกรานทำลายผิวของลำไส้ (Non-invasive) ส่วนใหญ่เกิดจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาจทำให้ถ่ายมากกว่า 10 ลิตรต่อวัน และทำให้เกิดภาวะช็อกจากการสูญเสียน้ำได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง
2.เกิดจากการรุกรานทำลายผิวของลำไส้โดยแบคทีเรีย (Invasive)
อาการของโรค จะเกิดจากการทำลายผนังของลำไส้ ทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีไข้สูง อุจจาระมีมูกเลือดหรือมีกลิ่นเหม็น
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส (Viral gastroenteritis) เป็นสาเหตุของการท้องเสียที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แต่ปัจจุบันพบโรคนี้มากขึ้นในผู้ใหญ่ ได้แก่การติดเชื้อ Rota visus, Adenovirus หรือ Norovirus ทำให้มีอาการท้องเสีย มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ ปวดตามตัว เป็นต้น
![](https://www.paolohospital.com/Resource/Image/Article/shutterstock_1929540092%20(1).jpg)
ลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
เป็นสาเหตุส่วนน้อยของโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากการได้รับสารพิษจากการกิน เช่น สารพิษจากปลาทะเล สารโลหะหนัก เห็ดพิษบางชนิด หรือกินยาผิด ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังได้รับพิษ หรืออาจเกิดจากการกินอาหารที่ย่อยยากเข้าไปมากๆ ก็เป็นได้
มีอาการเหล่านี้เมื่อไหร่…อย่าชะล่าใจ
ในกรณีที่มีอาการรุนแรงเหล่านี้ ทางที่ดีควรรีบพบแพทย์ เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ทำให้มีความเสี่ยงร่างกายขาดน้ำจนเกิดภาวะช็อกได้
- สูญเสียน้ำจากการท้องเสีย รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม ปากแห้ง มือเท้าเย็น หรือเหมือนจะหมดสติ
- ปวดท้องแบบบิดๆ เกิดเป็นพักๆ มักมีอาการถ่ายท้องตามมา แต่หากเป็นการปวดท้องตลอดเวลาโดยไม่มีเว้นช่วง ให้ระวังไว้ว่านั่นอาจไม่ใช่การปวดจากลำไส้อักเสบธรรมดา
- มีไข้สูง หนาวสั่น แบบนี้อาจเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง
- ถ่ายมีมูกเลือด หรือมีอาการปวดหน่วงๆ ที่ทวาร อาจเป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ
ส่วนวิธีป้องกันและดูแลตัวเองที่ดีที่สุด คือ การเลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ในภาชนะที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำทิ้งไว้นานๆ ล้างมือก่อนกินอาหาร และหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
![](https://www.paolohospital.com/Resource/Image/Article/05-Banner-Back-to-Campaign%20paolo(15)(3)(5)(2).jpg)
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
อาคาร 1 ชั้น 2 โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร.02-514-4141 ต่อ 1210 – 1211
Line id : @Paolochokchai4
![](https://www.paolohospital.com/Resource/Image/Article/287078707_1186375435480664_3392202778696806281_n(63).jpg)