พญ.พอหทัย เตชธุวานันท์

อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ

วุฒิบัตร

แพทยศาสตร์บัณฑิต สาขาอายุรกรรมโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน เวลา
ไม่มีตารางออกตรวจ
<span style="font-size: 24pt;">title</span>

พญ.พอหทัย เตชธุวานันท์ 

ความเชี่ยวชาญ: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอายุรศาสตร์
อนุสาขา : อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร

การศึกษา :

  • แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (2548)
  • วุฒิบัตรอายุรศาสตร์ทั่วไป โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (2554)
  • วุฒิบัตรอายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (2556)

  ประสบการณ์ทำงาน :

  • อายุรกรรมทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลปิยะเวท
  • ปัจจุบัน อายุรกรรมทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเปาโล รังสิต

พญ.พอหทัย เดชธุวานันท์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยหลังจากเป็นแพทย์ใช้ทุนเรียบร้อยแล้วยังได้ศึกษาต่อวุฒิบัตรอายุรศาสตร์ทั่วไป ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และต่อยอดในอนุสาขาวุฒิบัตรอายุรศาสตร์ทางเดินอาหาร ที่สถาบันเดิม คุณหมอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการศึกษาว่า…

“ที่หมอเลือกเรียนด้านอายุรศาสตร์ เพราะหมอเห็นว่าเป็นสาขาที่ดูแลคนไข้ได้ค่อนข้างครอบคลุมทั่วร่างกาย ศาสตร์นี้ช่วยให้หมอสามารถวิเคราะห์คนไข้ได้ทั้งระบบ และยังส่งต่อคนไข้ไปรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ได้ตรงโรค ส่วนที่เรียนต่อยอดด้านอายุรกรรมทางเดินอาหาร เพราะหมอสนใจในการทำหัตถการด้วย ซึ่งการตรวจระบบทางเดินอาหารก็จะมีการใช้นวัตกรรมการส่องกล้องเป็นหลัก”

 

คนไข้หลักที่คุณหมอรักษาเป็นประจำ

คุณหมอพอหทัย เป็นหนึ่งในทีมอายุรแพทย์รุ่นแรกของโรงพยาบาลเปาโล รังสิต ซึ่งปัจจุบันก็ยังออกตรวจคนไข้อยู่เกือบทุกวัน ด้วยมีประสบการณ์ในการรักษาคนไข้มาอย่างยาวนาน คุณหมอได้เล่าถึงโรคระบบทางเดินอาหารที่ทำการรักษาบ่อยๆ ว่า…

“ในช่วงแรกๆ คนไข้ที่หมอดูแล จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับอายุรกรรมทั่วไป แต่ในปัจจุบันหมอจะเน้นไปที่คนไข้โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น มาด้วยอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายดำ คือหมอจะรักษาคนไข้ที่เกี่ยวกับด้านนี้ไล่ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ ตับอ่อน ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่คนไข้จะมาด้วยอาการท้องเสีย รองลงมาคือปวดท้องโรคกระเพาะ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็จะเกี่ยวกับอาหารการกิน และพฤติกรรมการบริโภค”

 

การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร

การตรวจส่องกล้องที่คุณหมอพอหทัย ใช้ จะมีการส่องอยู่สองช่องทาง คือทางแรกเป็นการส่องกล้องเข้าไปทางปากผ่านเข้าทางหลอดอาหารเพื่อตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบน ไปจนถึง

การตรวจกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ส่วนอีกทางหนึ่งคือการส่องกล้องทางทวารหนักเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ส่วนกลาง ส่วนต้น และลำไส้เล็กส่วนปลาย…

“เทคโนโลยีการส่องกล้อง ทำให้หมอสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ เพราะเราสามารถเห็นรอยโรคได้ชัดเจน หากพบแผลก็สามารถทำการหยุดเลือดได้ และยังสามารถตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ ไปวินิจฉัยโรคต่อได้เลย เป็นการช่วยลดอัตราการผ่าตัดให้กับคนไข้ได้มาก ส่วนโรคในกระเพาะ ยกตัวอย่างถ้าคนไข้มีแผลในกระเพาะหรือมีภาวะเลือดออก วิธีการรักษาในสมัยก่อนก็ต้องผ่าตัดเปิดแผลเพื่อไปหยุดเลือดที่แผลในกระเพาะ ทว่าเทคโนโลยีการส่องกล้องสมัยนี้ช่วยให้หมอทำการหยุดเลือดได้เลย ทั้งยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อน  และคนไข้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน

สำหรับคนไข้ที่มีความกังวลเรื่องของความเจ็บในขณะทำการส่องกล้องและยังไม่ตัดสินใจว่าจะตรวจส่องกล้องดีไหม ก็สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูล ขั้นตอน และรับคำแนะนำได้ก่อน เมื่อตัดสินใจว่าจะตรวจ ทางโรงพยาบาลก็จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ทั้งขั้นตอนการเตรียมตัว การเตรียมลำไส้ให้สะอาดก่อนเข้าตรวจ ซึ่งทำได้ไม่ยาก อย่างการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ระหว่างการส่องกล้องคนไข้ก็จะได้รับการฉีดยาให้รู้สึกเคลิ้มๆ และได้รับยาแก้ปวด ก่อนตรวจก็จะมีการเช็กว่าคนไข้มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ตรวจเลือด ตรวจสภาพร่างกาย ถ้าแข็งแรงดีก็พร้อมตรวจได้เลย”

 

หัวใจสำคัญในการเป็นอายุรแพทย์ของคุณหมอ

ด้วยความรู้เฉพาะทางและประสบการณ์ในการตรวจคนไข้มาอย่างยาวนาน คุณหมอพอหทัย จึงให้ความสำคัญในการหาต้นเหตุของอาการ การหาโรคให้พบ เพื่อการรักษาอย่างตรงจุด…

“อายุรแพทย์ที่ดีต้องตรวจให้ละเอียด ตั้งแต่การซักประวัติ การตรวจร่างกาย หมอจะให้ความสำคัญในส่วนนี้อย่างมาก คือเราจะมุ่งเน้นไปรอที่ผลตรวจจากแล็บอย่างเดียวไม่ได้ เพราะการวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วด้วยประสบการณ์และองค์ความรู้ที่มี จะช่วยให้การรักษาเริ่มขึ้นเร็ว และหลายๆ ครั้งคนไข้ก็ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น

หมอขอยกตัวอย่างเคสหนึ่ง คือคนไข้มาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด ความดันตกมาก อาเจียนหนักมาก จนต้องใช้วิธีส่องกล้องแบบฉุกเฉิน ก็ทำให้เราสามารถช่วยหยุดเลือดให้คนไข้และแก้ไขสาเหตุของโรคได้ สรุปที่เราตรวจพบคือคนไข้เป็นแผลในกระเพาะ และมีตอเส้นเลือด จึงทำให้อาเจียนเป็นเลือดจำนวนมาก ต้องมีการให้เลือด ให้น้ำเกลือระหว่างการส่องกล้องด้วย แม้จะไม่ใช่เคสที่ยากมากมาย แต่การที่เราสามารถหยุดการไหลของเลือดให้คนไข้ได้เร็วในภาวะวิกฤติก็ทำให้หมอรู้สึกประทับใจ”

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดท้องมาก หรือมีอาการอาเจียนมาก ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักลด คุณหมอพอหทัยแนะนำว่า ควรรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอาการต่างๆ ที่กล่าวมาอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายบางอย่าง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรหาโอกาสได้มาตรวจส่องกล้องเช็กลำไส้ใหญ่เพื่อค้นหาโรคมะเร็งลำไส้สักครั้งหนึ่ง หากพบว่ามีความเสี่ยงจะได้รีบจัดการหรือรักษา แต่ถ้าทุกอย่างยังปกติดี ก็สามารถเว้นระยะการตรวจไปได้ถึง 5-10 ปี จึงค่อยมาตรวจใหม่อีกครั้ง