มือ-เท้าชา...อาการที่ไม่ควรมองข้าม
อาการตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หากอวัยวะส่วนนั้นถูกกดทับเป็นเวลานาน เส้นประสาทบริเวณนั้นจะเกิดความผิดในการรับรู้ความรู้สึกชั่วคราว ใช้เวลาไม่นานก็จะหายเองได้เป็นปกติ แต่อาการชาที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จนเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน อาจะเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดที่กำลังเกิดขึ้นกับเราโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุของอาการชา สามารถเกิดได้หลายปัจจัยทั้งจากร่างกายที่ไม่ได้รับสารอาหารที่ต้องการและโรคภัย
- ขาดวิตามินบี 1
- เส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน
- สมองสั่งความรู้สึกการรับรู้ผิดปกติ
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
- โรคผิวหนังบางชนิด เช่น งูสวัด
- โรคปลายประสาทอักเสบ
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
อาการที่เกิดขึ้น อาการเหน็บชานั้นเกิดได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น
- ชาจนรู้สึกแสบร้อน เจ็บแปล๊บบริเวณผิว แม้ไม่เคยได้รับบาดเจ็บส่วนนั้นมาก่อนก็ตาม
- คันยุบยิบเหมือนมีแมลงไต่บริเวณนั้น
- ชาจนรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม
- ชาจนรู้สึกว่าผิวหนังบริเวณนั้นหนากว่าปกติ
- ชาจนไม่รู้สึกอะไรเลยบริเวณนั้น
กลุ่มเสี่ยงที่มีอาการชาเกิดขึ้นบ่อย ๆ- ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคกระดูกคอและกระดูกสันหลังเสื่อม
- คนที่ชอบนั่งท่าเดียวเป็นเวลานาน ๆ
- คนทำงานที่ต้องใช้ข้อมือ หรือ ยกของหนักบ่อย ๆ
หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเหน็บชาบ่อย ๆ เกิดอาการเหน็บชาเป็นประจำ เช่น ช่วงเวลาเช้าหรือก่อนนอน ควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาให้ถูกสาเหตุของอาการ เพราะอาการเหน็บชานั้นเกิดได้จากหลายปัจจัยไม่ควรซื้อยาทานเอง หรือปล่อยเอาไว้จนเป็นอาการเรื้อรัง
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก
นพ.วีระยุทธ บุญเกียรติเจริญ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาชีวเวชศาสตร์
ประจำโรงพยาบาลเปาโลรังสิตปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล รังสิต โทร 0-2577-8111
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล รังสิตLine ID : @paolorangsit