การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)
โรงพยาบาลเปาโล
15-พ.ค.-2567

การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) คืออะไร?

การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย EST (Exercise Stress Test) คือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะทำงานหนัก โดยการกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นเหมือนขณะออกกำลังกายด้วยการเดินบนลู่วิ่ง (Treadmill) หรือขี่จักรยานอยู่กับที่ (cycling) ซึ่งจะได้ข้อมูลการตรวจเป็นกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่สามารถนำมาวิเคราะห์และวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และอีกหลายโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ


ใครบ้างที่ควรตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)?

ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) คือผู้ที่มีพฤติกรรมและมีความเสี่ยง ดังนี้

  • มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

  • มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก

  • มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ 

  • มีความเสี่ยงหรือเป็นโรคหลอดเลือดในอวัยวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่หัวใจอยู่ก่อน

  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง

  • เคยได้รับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ 

  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบ

  • มักรับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มเป็นประจำ

  • สูบบุหรี่จัด หรือได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นประจำ

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนหลับไม่สนิท และรู้สึกอ่อนเพลียเป็นประจำ

ทั้งนี้ การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ผู้ป่วยโรคหัวใจโต รวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้


ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)

เจ้าหน้าที่จะติดอุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือแผ่นอิเล็กโทรด (Electrode) ที่บริเวณหน้าอก 6 จุด ที่แขนและขาอีก 4 จุด รวมเป็น 10 จุด และพันแผ่นผ้าวัดความดันโลหิตที่แขนอีก 1 จุด จากนั้นผู้เข้ารับการตรวจจะเริ่มเดินช้าๆ บนเครื่องเดินสายพาน (Treadmill) ซึ่งแพทย์ที่ทำการตรวจจะค่อยๆ เพิ่มความเร็วและความชันของสายพานไปเรื่อยๆ โดยจะใช้เวลาในการเดินบนลู่วิ่งเฉลี่ยประมาณ 6-12 นาที จากนั้นจะเข้าสู่ระยะพัก (Recovery Stage) อีกประมาณ 5-10 นาที รวมเวลาการตรวจทั้งหมดราว 20-30 นาที ในระหว่างนั้นจะมีการวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ ร่วมด้วย 

ขณะทดสอบ หากผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะหัวใจขาดเลือดจะส่งผลให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจมีการเปลี่ยนแปลง บางรายอาจเกิดอาการเจ็บหรือจุกแน่นหน้าอก ทั้งนี้การตรวจจะอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์เฉพาะทาง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย  กรณีที่ผู้เข้ารับการตรวจไม่สามารถเดินบนลูวิ่งได้ เช่น เป็นผู้สูงอายุ มักใช้การขี่จักรยานอยู่กับที่ (cycling) แทน


การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)

  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนตรวจ โดยอาหารมื้อก่อนตรวจควรหลีกเลี่ยงชนิดไขมันสูง

  • งดชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มาคาเฟอีนอย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนตรวจ

  • งดสูบบุหรี่ 3-4 ชั่วโมงก่อนตรวจ

  • สวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะกับการออกกำลังกาย โดยสามารถเตรียมมาเองหรือใช้ของทางโรงพยาบาลที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ก็ได้

  • ผู้ที่รับประทานยารักษาโรคประจำตัวต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อแพทย์จะพิจารณาให้งดยาบางอย่าง เช่น ยากลุ่มที่ทำให้หัวใจเต้นช้า (Beta-blockers) ที่ใช้รักษาภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติบางชนิด โรคต้อหิน โรควิตกกังวล ไมเกรน และไฮเปอร์ไทรอยด์ เป็นต้น

  • ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดให้นำยาพ่นติดตัวมาด้วย

  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรแจ้งแพทย์ที่รักษาโรคเบาหวาน เพื่อเตรียมยาให้เหมาะสมสำหรับวันที่เข้ารับการตรวจ


การแปรผลและการประเมินผลตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)

แพทย์จะประเมินผลการตรวจจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยสามารถวินิจฉัยได้ถึงความเสี่ยงและการเกิดโรคต่างๆ เช่น

  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยสามารถประเมินความเสี่ยงได้ดีในผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคระดับปานกลางขึ้นไป

  • ประเมินโรคในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่เดิม เพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการตรวจเพิ่มเติม หรือต้องทำการรักษาด้วยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจหรือไม่

  • ประเมินประสิทธิภาพและผลการรักษาด้วยยา ในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่เดิม

  • ประเมินและวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด

  • ประเมินประสิทธิภาพและความสามารถสูงสุดของหัวใจในการออกกำลังกาย เพื่อวางแผนหรือกำหนดความหนักเบาและประเภทของการออกกำลังกายให้เหมาะสม

  • ประเมินระดับความสามารถสูงสุดในการออกกำลังกายในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่ได้รับการรักษาแล้ว เพื่อติดตามผลการรักษา และเพื่อป้องกันการใช้แรงที่มากเกินไปของผู้ป่วย