โรคมือเท้าปากในเด็ก อาการ สาเหตุ และวิธีดูแลที่พ่อแม่ควรรู้
คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า โรคมือเท้าปากเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมือเท้าปาก ตั้งแต่สาเหตุ อาการที่สังเกตได้ง่าย ไปจนถึงแนวทางการดูแลลูกน้อยอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณพร้อมรับมือและปกป้องลูกรักให้ห่างไกลจากโรคนี้
โรคมือเท้าปากเกิดจากอะไร?
โรคมือเท้าปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enteroviruses) ซึ่งมักจะแพร่ระบาดในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน ที่อากาศเย็นและความชื้นสูง ทำให้เชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น การติดต่อของโรคมือเท้าปาก สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อน เช่น น้ำมูก น้ำลาย ไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ เมื่อเด็กสัมผัสแล้วนำมือเข้าปาก ก็จะทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและเกิดการติดเชื้อได้
สัญญาณเตือนโรคมือเท้าปากในลูกน้อย
เมื่อลูกน้อยติดเชื้อโรคมือเท้าปาก จะแสดงอาการต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้ดังนี้:
ดูแลลูกน้อยอย่างไรเมื่อเป็นโรคมือเท้าปาก?
โดยทั่วไปแล้ว อาการของโรคมือเท้าปาก มักจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 5-7 วัน ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยตามอาการเพื่อบรรเทาความไม่สบายตัวได้ดังนี้
ดูแลลูกน้อยอย่างไรเมื่อเป็นโรคมือเท้าปาก?
โดยทั่วไปแล้ว อาการของโรคมือเท้าปาก มักจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 5-7 วัน ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยตามอาการเพื่อบรรเทาความไม่สบายตัวได้ดังนี้
เมื่อไหร่ควรพาลูกไปพบแพทย์?
หากลูกน้อยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม:
ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือควรให้เด็กหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านและงดไปโรงเรียน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคมือเท้าปาก ไปสู่เด็กคนอื่นๆ
ป้องกันโรคมือเท้าปาก...ทำได้อย่างไร?
แม้ว่าโรคมือเท้าปากจะสามารถหายเองได้ แต่การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคมือเท้าปากให้กับลูกน้อยได้โดย:
โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสังเกตพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก