เมื่อผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดมดลูก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิด หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง ผู้ป่วยมักกังวลใจและมีคำถามมากมายว่าจะสามารถกลับทำกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำในชีวิตประจำวันได้เมื่อไหร่ และกิจกรรมใดบ้างที่ต้องระมัดระวังหรือยกเว้น เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวและไม่เกิดผลกระทบอันจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน นี่คือ 7 อย่างที่เราอยากแนะนำ
พฤติกรรที่ควรเลี่ยงในช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัดมดลูก
- ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ โดยหากเป็นการผ่าตัดถุงน้ำเล็กๆ น้อยๆ ให้งด 1-2 เดือน แต่หากเป็นการผ่าตัดมดลูกให้งด ให้งด 2-3 เดือน เพื่อป้องกันภาวะแผลแยกและการติดเชื้อ
- ไม่ควรการสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรปล่อยให้เกิดภาวะท้องผูก หรือเบ่งอุจาระแรงๆ เพราะจะทำให้เกิดแรงดันที่แผล สามารถป้องกันภาวะท้องผูกได้ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร กินผัก ผลไม้ และอาหารที่ย่อยง่าย เพื่อให้อุจจาระนิ่ม ไม่ต้องออกแรงเบ่งเวลาขับถ่าย
- ไม่ควรออกกำลังกายหนักใน 6 สัปดาห์แรก โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เกร็ง หรือมีแรงปะทะ เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิก ตีแบดมินตัน แต่สามารถเดินออกกำลังกายเบาๆ ได้
- ไม่ควรทำงานบ้านหรือกิจกรรมหนักๆ ใน 2 เดือนแรกหลังผ่าตัด เช่น การทำสวน การอุ้มเด็กเล็ก การยกของหนักเกิน 10 กก. เพราะจะต้องเกร็งกำลังทำให้เกิดแรงดันในผนังช่องคลอด เสี่ยงแผลปริหรืออักเสบได้
- ไม่ควรขับขี่รถหรือยานพาหนะใดๆ เพราะผู้ป่วยยังจำเป็นต้องกินยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน รวมทั้งอาจจะได้รับแรงกระแทกจากการต้องเกร็งหน้าท้อง ขา ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนต่อแผลภายในได้
- ไม่ควรอยู่ตามลำพัง โดยเฉพาะการที่ผู้ป่วยยังต้องการมีบุตรแต่จำเป็นต้องตัดมดลูกออก การอยู่คนเดียวอาจทำให้คิดมาก และเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าได้ง่าย
อาการข้างเคียงหลังผ่าตัดที่ต้องระวัง
นอกจากการหลีกเลี่ยงกิจกรรมต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว หลังผ่าตัดทั้งขณะที่พักฟื้นในโรงพยาบาล และหลังจากแพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ผู้ป่วยยังต้องระวังเรื่องอาการข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้น หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- รู้สึกหนาวสั่น มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดท้องมากขึ้น หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจมีลิ่มเลือดจับตัวเป็นก้อนร่วมด้วย
- มีน้ำใสๆ หรืออุจจาระ ไหลออกมาทางช่องคลอด
- ตกขาวมีกลิ่นแรง
- มีอาการเจ็บ บวม หรือมีหนองออกมาทางแผล
ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
