รู้ได้อย่างไร เมื่อไหร่? ควรทำแมมโมแกรม
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
20-ก.ย.-2567

รู้ได้อย่างไร เมื่อไหร่? ควรทำแมมโมแกรม

ในยุคที่การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ การตรวจหาความผิดปกติในร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในโรคที่ผู้หญิงควรระวังและควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอคือ "มะเร็งเต้านม" ซึ่งเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกคน และการทำ "แมมโมแกรม" (Mammogram) ก็เป็นวิธีการตรวจหาความผิดปกติที่ได้รับการยอมรับว่ามีความแม่นยำสูง และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคัดกรองโรคนี้ได้อย่างดี

 


แมมโมแกรมคืออะไร?

แมมโมแกรมคือการตรวจเต้านมด้วยรังสีเอกซ์ (X-ray) ซึ่งสามารถตรวจจับเนื้อเยื่อที่มีความผิดปกติหรือเซลล์ที่อาจกลายเป็นโรคมะเร็งได้ในภายหลังได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น โดยเป็นระยะก่อนที่จะสามารถสัมผัสเจอก้อนเนื้อด้วยการคลำเต้านม หรือแสดงอาการใดๆ ออกมา เป็นการตรวจที่สามารถบ่งบอกถึงความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ใครบ้างที่ควรทำแมมโมแกรม?

  1. ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป : ตามคำแนะนำทั่วไป ผู้หญิงควรเริ่มทำแมมโมแกรมครั้งแรกเมื่ออายุ 40 ปี และควรตรวจทุกปีหรือทุกสองปี ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
  2. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม : หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยมีประวัติการเป็นมะเร็งเต้านม ควรเริ่มทำแมมโมแกรมเร็วกว่าคนทั่วไป อาจเริ่มตั้งแต่อายุ 30 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์
  3. ผู้ที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยอื่นๆ : ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น มีประวัติการเจ็บป่วยของเต้านม มีการใช้ฮอร์โมนระยะยาว หรือมีความผิดปกติของยีน (เช่น BRCA1 หรือ BRCA2) การทำแมมโมแกรมเป็นประจำจะช่วยให้คุณรู้ถึงความเสี่ยงและสามารถวางแผนการป้องกันล่วงหน้าได้อย่างทันท่วงที

 


เมื่อไหร่ควรทำแมมโมแกรม?

หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม เช่น การเกิดก้อนเนื้อที่สัมผัสได้จากการคลำเต้านม เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังบริเวณหัวนมหรือลานนม มีของเหลวไหลออกจากหัวนม หรือความเจ็บปวดผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณเต้านม เมื่อพบว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ หรือเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ควรเข้ารับการตรวจแมมโมแกรมโดยเร็วที่สุด เพราะการปล่อยไว้โดยไม่เข้ารับการตรวจวินิจฉัยหรือรักษา อาจทำให้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และทางเลือกในการรักษาก็จะน้อยลงตามไปด้วย

             นอกจากนี้การได้รับการตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้ เนื่องจากเราไม่มีทางรู้ว่าเซลล์ในร่างกายจะเกิดความผิดปกติเมื่อไหร่ การเข้ารับการตรวจเป็นประจำก็จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ได้ โดยมีคำแนะนำในการตรวจดังนี้

  • ช่วงอายุ 40-50 ปี : ควรตรวจทุก 1-2 ปี
  • ช่วงอายุ 50-74 ปี : ผู้หญิงส่วนใหญ่ควรตรวจทุก 2 ปี แต่ถ้ามีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจบ่อยขึ้น

 

แมมโมแกรม สำคัญอย่างไร ทำไมต้องทำ?

การทำแมมโมแกรมช่วยในการตรวจจับมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูง การตรวจอย่างสม่ำเสมอก็จะยิ่งช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้ถึง 25-30% ยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และลดความจำเป็นในการทำเคมีบำบัดหรือการผ่าตัดใหญ่ได้

 


ข้อดีของการตรวจแมมโมแกรม

  1. มีความแม่นยำสูง : แมมโมแกรมสามารถตรวจพบเนื้องอกหรือความผิดปกติที่ยังมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยการคลำ
  2. ป้องกันได้ล่วงหน้า : การตรวจที่สม่ำเสมอช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงและสามารถวางแผนการรักษาได้ตั้งแต่ต้น
  3. ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมระยะรุนแรง : หากตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะแรก โอกาสในการรักษาให้หายขาดและไม่กลับมาอีกก็จะสูงมากขึ้น

 

มะเร็งเต้านมอาจดูเหมือนโรคที่อยู่ไกลตัว แต่ความจริงแล้วโรคนี้อาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน และการป้องกันหรือการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่าการรักษาเมื่อเกิดอาการแล้ว การทำแมมโมแกรมเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษามากขึ้น เจ็บตัวน้อยลง ดังนั้น หากพบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือถึงช่วงอายุที่สมควรแก่การตรวจ ควรรีบปรึกษาแพทย์และทำการตรวจคัดกรอง เพื่อสุขภาพเต้านมที่ดีและปราศจากความกังวล


บทความโดย
นายแพทย์สุรินทร์ ดิกิจ
แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ








สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

แผนก ศัลยกรรมทั่วไป อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2145-2146

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn