“อาการปวดหลัง” เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในปัจจุบันจะพบมากขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งหากปวดมากก็มักส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

ปวดหลังบ่อย…เกิดจากอะไรกันแน่

อาการปวดหลังที่พบบ่อย มักเกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป หรือเกิดจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางกรณีอาการจะหายได้เองหากงดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นสักพัก หรือหากเป็นไม่มาก การใช้ยาทาภายนอกก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ กรณีมีอาการปวดหลังที่พ่วงด้วยอาการอื่นๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนอันตรายที่กำลังบอกว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกายนอกเหนือจากกล้ามเนื้อ และถึงเวลาที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตรงจุด

อาการปวดหลังเหล่านี้…คือสัญญาณของความผิดปกติที่รุนแรง

• มีอาการปวดที่เดิมๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์
• ปวดมากจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อาการไม่ทุเลาลง
• ปวดแบบเจ็บแปลบเหมือนเข็มจิ้ม
• ปวดร้าวยาวลงไปจนถึงต้นขา จนอาจมีอาการขาอ่อนแรง ปวดปลีน่องจนทำให้เดินลำบาก หรือเดินได้นิดหน่อยก็มีอาการปวดจนทรมาน
• ปวดบริเวณก้นกบที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ
• มีอาการปวดปัสสาวะแสบขัด มีสีขุ่น หรือมีไข้ ร่วมกับอาการปวดหลังบริเวณเอว ซึ่งอาจเป็นอาการเริ่มต้นของอาการนิ่วในไต หรือไตอักเสบ
• ปวดจนขาหรือเท้ามีอาการชา
• เคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้ เช่น ก้มตัว ยืดตัวตรง
• เริ่มกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ค่อยอยู่

เมื่อมีอาการปวดหลังเรื้อรังหรือกินเวลานานแบบไม่รู้สาเหตุและยังไม่ได้รับการรักษา แถมยังมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าปล่อยให้โรคลุกลามรุนแรงจนเสียคุณภาพชีวิต หรือสายเกินไปที่จะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ อาคาร 1 ชั้น 1

โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4

โทร. 02-514-4141 ต่อ 1102-1105

Line id : @Paolochokchai4