ปกป้องลูกน้อย จาก 4 โรคที่มากับหน้าฝน
โรงพยาบาลเปาโลรังสิต
07-พ.ย.-2563
ปกป้องลูกน้อย จาก 4 โรคที่มากับหน้าฝน

          มิถุนายนนี้ เราได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ทราบได้จากปริมาณฝนที่ตกหนักมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นเอง เราจึงต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่มาพร้อมฝนครั้งนี้ให้ดี

          นอกจากการตากผ้าไม่แห้ง อับชื้น คือ ปัญหาที่เราต้องเจอเป็นอันดับต้นๆ ของหน้าฝนแล้วนั้น โรคที่มาพร้อมกับฝนก็น่ากลัวพอๆ กัน โดยเฉพาะโรคทีอาจจะเกิดกับลูกน้อยของเรา ยิ่งต้องระวังให้ดี



1. RSV
รือชื่อทางการแพทย์คือ Respiratory Syncytial Virus ดูเผินๆ ก็เหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่เราไม่สามารถปล่อยให้หายเองได้เหมือนไข้หวัด เพราะปอดและหลอดลมจะติดเชื้อ ร้ายสุดคือ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลงได้

สาเหตุการเกิดโรค
: RSV เป็นเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ทางการสัมผัส สารคัดหลั่งต่างๆ หรือแม้แต่การจาม ก็ทำให้ติดเชื้อได้แล้ว

อาการของโรค
: เริ่มแรกคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไอหรือไออย่างหนักจนอาเจียน จาม มีไข้ แต่ไข้อาจจะสูงถึง 39-40 ได้เลยทีเดียวหากปล่อยไว้นาน หายใจลำบากและมีเสียงวี๊ด ปาดซีดเขียวในบางราย

การรักษาและป้องกัน
: ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่สามารถรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ลดน้ำมูก พ่นยาขยายหลอดลม ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์

          *** ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกัน ไวรัส RSV รวมถึงไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เมื่อเด็กได้รับไวรัสต้องรักษาตามอาการ
         
          การป้องกันการติดเชื้อ RSV คือ การล้างมือให้เด็กเล็กบ่อย ๆ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กก็ต้องล้างมือบ่อย ๆ เช่นกัน และเมื่อมีเด็กป่วยให้แยกเด็กและแยกเครื่องใช้ของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค



2. ไข้เลือดออก
เมื่อฝนตกหนัก ย่อมเกิดน้ำท่วมขังกลายเป็นเพาะพันธุ์ของเหล่ายุงตัวร้ายและโรคที่มากับยุง เช่น ไข้เลือดออกเป็นต้น

สาเหตุการเกิดโรค
: การที่แหล่งน้ำใกล้ตัวท่วมขังและมีการแพร่พันธุ์ของยุง หรือลูกน้อยของเราได้รับเชื้อจากการยุงลาย

อาการของโรค
: อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว บางรายมีไข้สูงเฉียบพลัน ไอ จาม มีน้ำมูก เลือดออกตามผิวหนัง หรือตามไรฟัน เลือดกำเดา เป็นต้น

การรักษาและป้องกัน
: ไม่ปล่อยให้น้ำท่วมขังเพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หากลูกน้อยได้รับเชื้อแล้วควรพาไปพบแพทย์ แม้จะยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยตรง แต่เราสามารถรักษาตามอาการและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดก็สามารถหายจากโรคไข้เลือดออกได้


3. มือเท้าปาก
: โรคนี้มาจากกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ผู้ป่วยที่พบมักอยู่ในวัยอนุบาล โดยเชื้อใช้ระยะเวลา 3 - 7 วัน

สาเหตุการเกิดโรค
: เชื้อไวรัสสามารถติดได้ทางสารคัดหลั่งเช่น ละอองน้ำลายจากการไอ จาม น้ำมูก และสัมผัสแผล หรือ การดื่ม กิน อาหาร เครื่องดื่ม ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่

าการของโรค : มีไข้ น้ำมุก อาการคล้ายหวัด แต่จะมีแผลที่ปาก เบื่ออาหาร และเมื่อทิ้งเชื้อไว้ 3-7 วัน จะเริ่มมีผื่น ตุ่มแดง ตามมือ ขา และเท้า

การรักษาและป้องกัน
: โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน สิ่งที่เราสามารถป้องกันลูกน้อยจากโรคนี้คือ การให้เด็กรู้จักการล้างมืออย่างถูกวิธี ทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการสัมผัสได้ หรือหากได้รับเชื้อแล้ว ต้องนำไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อเฝ้าระวังและรักษาตามอาการต่อไป

4. ไข้หวัดใหญ่ ความจริงแล้ว ไข้หวัดใหญ่นั้นไม่ได้มีเฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น โรคนี้ใครๆ ก็เป็นได้ หากร่างกายอ่อนแอ หรือ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซ้ำแล้วไข้หวัดใหญ่วิวัฒนาการตัวเองเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาได้เรื่อยๆ อีกด้วย

สาเหตุการเกิดโรค :
ไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราด้วยการดื่ม หรือ กินอาหารที่มีการปนเผื้อนของเชื้อไวรัสนี้ นอกจากนี้ การรับเชื้อจากละอองน้ำมูก การสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน

อาการของโรค
: อาการของไข้หวัดใหญ่นั้น ช่วงแรกจะคล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีไข้สูงกว่า บางรายที่ไข้สูงเฉียบพลัน อาจจะทำให้ช็อค และ เสียชีวิตได้เลยทีเดียว

การรักษาและป้องกัน
: การป้องกันจากโรคไข้หวัดใหญ่นี้ สามารถทำได้โดยการล้างมือบ่อยๆ ระมัดระวังการสัมผัสสิ่งๆ ต่างที่อาจนำเชื้อเข้าร่างกายได้ หากได้รับเชื้อแล้ว ควรเฝ้าระวังไข้ที่สูงผิดปกติ และควรบุตรหลานพบแพทย์โดยด่วน เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ ด้วย


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล รังสิต โทร 0-2577-8111
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล รังสิต
Line ID : @paolorangsit

เพิ่มเพื่อน