-
เป็นริดสีดวงทวาร...จำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่?
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
26-มิ.ย.-2568

เป็นริดสีดวงทวาร...จำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่? หาคำตอบที่นี่! 
ริดสีดวงทวาร เป็นปัญหาที่หลายคนเคยได้ยิน หรือกำลังเผชิญอยู่ แต่ก็ไม่กล้าเข้ารับการรักษาเพราะความเขินอายหรือความเข้าใจผิดว่าต้องผ่าตัดเสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ริดสีดวงทวารมีวิธีรักษาให้หายได้ด้วยยา หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และไม่ใช่ทุกกรณีที่จะต้องผ่าตัด!


แนวทางการจัดการกับริดสีดวงทวาร

ก่อนจะตัดสินใจรักษาริดสีดวงทวาร สิ่งสำคัญคือต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยอาการ และกำหนดระยะความรุนแรงของโรคก่อน โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นระยะที่สำคัญต่อการพิจารณาวิธีการรักษา 

  1. ระยะที่ใช้นิ้วดันกลับ: ในระยะนี้ มักไม่จำเป็นต้องผ่าตัดริดสีดวง การรักษาจะเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และอาจใช้ยาระบายช่วย 
  1. ระยะที่ใช้นิ้วดันไม่กลับ: ในระยะนี้ อาการจะรุนแรงขึ้น และอาจจำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดริดสีดวง 


 


การผ่าตัดริดสีดวงทวาร ทางเลือกเมื่อจำเป็น 

หากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดริดสีดวงทวาร การระงับปวดที่นิยมใช้คือการบล็อกหลัง ส่วนวิธีการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับลักษณะและระยะของริดสีดวง โดยมี 4 รูปแบบที่นิยมในปัจจุบัน 
1. การผ่าตัดแบบตัดทิ้ง (Hemorrhoidectomy): เป็นการตัดริดสีดวงออกไปเลย สามารถเลือกที่จะเย็บแผลหรือไม่เย็บแผลก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์ที่ใช้ หากเป็นแบบไม่เย็บแผล อาการตึงและปวดก็จะน้อยกว่า 
2. การผ่าตัดแบบใช้เครื่องตัดเย็บอัตโนมัติ (Stapled Hemorrhoidectomy): มักใช้ใน ริดสีดวงทวารชนิดที่เป็นภายใน การผ่าตัดด้วยวิธีนี้สามารถช่วยป้องกันภาวะทวารตีบได้ดี 
3. การผ่าตัดแบบเย็บผูกเส้นเลือด (Transanal Hemorrhoidal Dearterialization - THD): เป็นการผูกเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวริดสีดวง การผ่าตัดลักษณะนี้นิยมใช้รักษาในริดสีดวงที่มีเลือดออก และเห็นผลดีในกรณีที่มีก้อนยื่นออกมาด้านนอก  
4. การผ่าตัดแบบเลเซอร์ (Laser Hemorrhoidoplasty - LHP): การผ่าตัดด้วยเลเซอร์มีแผลเล็ก นิยมทำในริดสีดวงทวารระยะแรกๆ และหัวไม่ใหญ่มากนัก 


ริดสีดวงทวาร หากปล่อยไว้...อันตรายกว่าที่คิด!

หากคุณตรวจพบว่าตัวเองอาจเป็ริดสีดวงทวาร ควรรีบเข้ารับการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น เพราะถ้าเป็นริดสีดวงชนิดที่ต้องผ่าตัด แต่ไม่ได้รับการรักษา และปล่อยไว้นานไป อาจมีปัญหาที่ตามมาได้ เช่น

  • ีเลือดออกเรื้อรัง ซึ่งหากปล่อยไว้นาน อาจทำให้เกิด ภาวะซีด หรือโลหิตจาง และมีอาการเหนื่อยเพลียได้
  • อาจถึงขั้นทำให้เกิดการอักเสบ เน่า และมีเนื้อตายได้ ซึ่งหากเกิดกรณีดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที 




3 พฤติกรรม ปรับเปลี่ยนเพื่อห่างไกลจากโรคริดสีดวงทวาร 
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน และช่วยให้อาการริดสีดวงทวาร ดีขึ้น 
1. การปรับเรื่องอาหารการกิน: เลือกอาหารที่มีกากใยสูง เช่น กล้วย, ส้ม, มะละกอ, กีวี่, และลูกพรุน (ซึ่งมีพรีไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลลำไส้) เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี 
2. การปรับเรื่องการขับถ่าย: ควรขับถ่ายเมื่อรู้สึกอยากถ่ายเท่านั้น ไม่ควรนั่งถ่ายนานๆ หรือเบ่งมากเกินไป 
3. ดื่มน้ำเยอะๆ: ควรดื่มน้ำสะอาดปริมาณ 1.5 - 2 ลิตร ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ และช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้น  




ไม่ต้องเขินอาย ในการเข้ารับการรักษาริดสีดวงทวาร 

หลายคนที่สงสัยว่าตัวเองเป็นริดสีดวงทวาร อาจรู้สึกเขินอาย ไม่กล้าเข้ารับการรักษา แต่ไม่ต้องกังวลใจ เพราะแพทย์จะให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดในการตรวจ โดยจะตรวจในที่ปิดมิดชิด และจัดท่าทางเพื่อลดความกังวลและความเขินอายของผู้ป่วย 

 

สิ่งสำคัญคือริดสีดวงทวาร เป็นโรคที่อาจสับสนกับโรคอื่นได้ค่อนข้างบ่อย เช่น เนื้องอก หรือฝี ซึ่งการรักษาก็จะไม่เหมือนกัน หากมาตรวจตั้งแต่ระยะแรกๆ ริดสีดวงทวารสามารถหายขาดได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และการปรับพฤติกรรมก็จะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้ 

 

บทความโดย

แพทย์หญิงศศพินทุ์ วงษ์โกวิท

แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมทั่วไป

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ

 





สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

แผนก ศัลยกรรมทั่วไป อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2145-2146

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn