วัน | เวลา |
จันทร์ | 08:30 - 17:30 |
พฤหัสบดี | 08:30 - 17:30 |
ศุกร์ | 08:30 - 17:30 |
เสาร์ | 08:30 - 17:30 |
วุฒิการศึกษา | สถาบันการศึกษา |
แพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
วุฒิบัตรสาขาจิตเวชศาสตร์ | โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ |
“ที่ Let's Talk โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เรามีคนไข้ที่หลากหลาย ตั้งแต่เครียด นอนไม่หลับ ไปจนถึงมีอาการหลงผิด หูแว่ว ทำร้ายตัวเอง อับดับหนึ่งที่มาที่นี่ จะมาด้วยเรื่องความเครียด (Adjustment disorder) โดยปกติเมื่อมีเรื่องมากระทบ จะเกิดความเครียด คิดมาก เพื่อหาทางแก้ปัญหา หาทางปรับตัว (Adjust) แต่ถ้าในช่วงปรับตัว เกิดความเครียดมากเกินไป จนรบกวน ทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ รบกวนชีวิตประจำวัน หากใครพยายามจัดการความเครียดด้วยตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าถูกความเครียดรบกวนอย่างมาก แนะนำให้มาพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักบำบัดแขนงต่างๆ เพื่อบำบัด หรือพิจารณาการใช้ยาเพื่อคลายเครียด ส่วนคนไข้ที่พบบ่อยรองลงมา เป็นกลุ่มปัญหาโรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล แต่ไม่ว่าจะมีปัญหาด้านไหน หากเป็นเรื่องของจิตใจเราก็ดูแลทั้งหมด”
ความเข้าใจ ไว้วางใจ หัวใจของการรักษา
คุณหมออังค์วรา ยังบอกด้วยว่า การเป็นจิตแพทย์ที่เก่งต้องมีคุณสมบัติการเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย คือตั้งใจฟังสิ่งที่คนไข้อยากจะบอกก่อน เพราะคนที่เข้ามาปรึกษามักมีเรื่องจะเล่ามากมายอยู่แล้ว โดยข้อมูลที่คุยกันจะเป็นความลับของคนไข้ จะเปิดเผยต่อเมื่อคนไข้อนุญาต หรือเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น...
สิ่งสำคัญที่จิตแพทย์ต้องมี เพื่อให้ผู้คนได้เข้าถึงการดูแลอย่างแท้จริง คือ ‘empathy’ ‘การเอาใจเขามาใส่ใจเรา’ หมอมองว่าเราทุกคนย่อมมีจิตใจ มีความรู้สึกเหมือนๆ กัน ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกอะไร ถ้าเรารู้สึกเหมือนเขาได้ เข้าใจสถานการณ์ที่เขาเจออยู่ได้ ย่อมทำให้การดูแลรักษาเป็นไปได้ดีและตรงจุดมากขึ้น เมื่อคนที่มาปรึกษารับรู้ได้ว่าหมอมี empathy เขามักจะกล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ต้องกลัวถูกตัดสิน ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดีในการรักษา ในทางจิตเวช ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหมอกับคนไข้มีความสำคัญมาก เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งพูดคุย ยิ่งเกิดความเข้าใจ ความไว้ใจ ความร่วมมือระหว่างหมอที่รับฟัง และแนะนำ กับคนไข้ที่ให้ข้อมูลและลงมือปฏิบัติดูแลตนเอง เกิดเป็น ‘พันธมิตรในการรักษา (Therapeutic Alliance)’ ยิ่งช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทีมงานที่มีอุดมการณ์เดียวกัน สบายใจ และมีประสิทธิภาพ
จิตแพทย์คนเดียวไม่เพียงพอในการดูแลคนไข้จิตเวช โดยเฉพาะคนไข้ที่นอนโรงพยาบาล ยิ่งต้องมีสหวิชาชีพช่วยกันดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด...
“ที่ Let's Talk เราทำงานกันเป็นทีม มีจิตแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล และนักบำบัดแขนงต่างๆ เช่น จิตบำบัด (talk therapy) ศิลปะบำบัด (Art Therapy) ดนตรีบำบัด (Music Therapy) หรือกิจกรรมบำบัด (Occupational therapy) แต่ละคนเก่งและมีความถนัดทางเทคนิคต่างกันไป แต่มีเป้าหมายเหมือนกันคือตั้งใจดูแลสุขภาพจิตใจของผู้ที่มารับคำปรึกษา หลายครั้งหมอก็ปรึกษาทีมงาน ว่ามีมุมมอง มีวิธีการดูแลคนไข้รายนี้ เพิ่มเติมอย่างไรได้บ้าง ถ้าเหมาะกับคนไข้ หมอจะส่งต่อ หรือปรึกษาให้บำบัดคู่กันไป บางคนมาเจอนักบำบัด แล้วต้องการใช้ยาร่วมด้วย ก็ส่งมาปรึกษาหมอ ยิ่งผู้เชี่ยวชาญมารวมตัวช่วยกันคิด ยิ่งได้ประโยชน์กับผู้มารักษามากขึ้น”
โดยทั่วไปการรักษาโรคทางจิตเวช มีทั้งการให้คำปรึกษา การใช้ยา การใช้เครื่องมือต่างๆ อย่าง Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) แล้วแต่กรณี และลักษณะของโรค ไม่ว่าคนไข้จะประสบปัญหาด้านพฤติกรรม ความคิด หรือปัญหาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เมื่อได้รับการรักษา และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดไปพร้อมๆ กับความร่วมมือจากคนไข้ และผู้ดูแล จะทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้
ความรู้ ความเข้าใจ เป็นรากฐานของความเชื่อมั่น และกำลังใจ
นอกจากคุณหมออังค์วรา จะเป็นจิตแพทย์ผู้บำบัดรักษาแล้ว คุณหมอยังเป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านจิตเวชแก่องค์กรต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงการให้ความรู้ทาง Youtube และ facebook page “wellness illness” คุณหมอเชื่อว่าการให้ความรู้ความเข้าใจในด้านจิตเวชที่ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่า คุณหมออยากให้ทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดี จึงให้แนวคิดสำหรับการดำเนินชีวิตไว้ว่า...
“หมอเชื่อว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หลายๆ ครั้งเราเครียด เราเศร้า เราเจ็บปวด เพราะคิดว่าทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ต้องเป็นอย่างที่เราหวังไว้เสมอ หรือในทางกลับกัน เวลาท้อแท้ หมดหวัง ก็เพราะคิดว่าจะต้องเศร้าตลอดไป ถ้าเราเปลี่ยนความคิดใหม่ มีความเชื่อ และความรู้ที่ถูกต้องว่าทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ วันนี้ดีพรุ่งนี้อาจแย่ วันนี้แย่พรุ่งนี้อาจดี เพราะไม่มีอะไรเที่ยงแท้ เป็นธรรมดา หากเราเข้าใจ และยอมรับในจุดนี้ได้ จิตใจของเราจะทั้งแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้ปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”