นพ.ประวิทย์ โล่ห์ดาบชัย

อายุรแพทย์

วุฒิบัตร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอายุรศาสตร์
วัน เวลา
ไม่มีตารางออกตรวจ
<span style="font-size: 18pt;">title</span> นพ.ประวิทย์ โล่ห์ดาบชัย
ความเชี่ยวชาญ: อายุรศาสตร์

การศึกษา:
- พ.ศ. 2536 แพทย์ศาสตร์บัณฑิตคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- พ.ศ. 2550
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอายุรศาสตร์ คณะแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ประสบการณ์การทำงาน  
:
- อายุรกรรมโรงพยาบาลเอกปทุม
- ปัจจุบันอายุรแพทย์โรงพยาบาลเปาโลรังสิต
          นพ.ประวิทย์ โล่ห์ดาบชัย สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากนั้นได้ศึกษาวุฒิบัตรอายุรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เช่นเดียวกัน คุณหมอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการศึกษาว่า...
“ที่หมอเลือกเรียนทางด้านอายุรกรรม ก็เพราะมีความชอบในศาสตร์ด้านนี้ซึ่งเป็นการสืบค้นโรคและการรักษาโรคด้วยการใช้ยา อีกทั้งตอนนั้นได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์แพทย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยในช่วงที่จบแพทย์ใหม่ๆ ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลวัดไร่ขิง หลังจากนั้นก็ไปเป็นแพทย์อยู่หลายที่ รวมถึงโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน แต่ปัจจุบันมาเป็นอายุรแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลเปาโล รังสิต ได้ประมาณห้าปีแล้ว”

ความชำนาญและขอบข่ายการดูแลรักษาคนไข้ของคุณหมอ
          คุณหมอประวิทย์ เป็นอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนไข้ของคุณหมอจะมีอยู่สองกลุ่มใหญ่ คือกลุ่มโรคทั่วไป เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย และโรคตามฤดูกาล และอีกกลุ่มหนึ่งคือคนไข้โรคเรื้อรัง ซึ่งที่รักษาเยอะที่สุดก็จะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันสูง คนไข้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป…
“ในการตรวจ วินิจฉัย และวางแผนการรักษา เราต้องมองให้ทะลุโดยสืบค้นให้เห็นถึงต้นเหตุของปัญหา อะไรคือที่มาของโรคของอาการนั้นๆ แล้วแก้ไขที่สาเหตุอย่างตรงจุด จากประสบการณ์การรักษาคนไข้มาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบันก็มากกว่า 20 ปีแล้ว หมอเคยผ่านอุปสรรคและปัญหามามากมาย เจอคนไข้หลากหลายโรค แต่เมื่อเราพยายามมองทะลุให้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ก็จะช่วยให้การรักษาเป็นไปตามความคาดหวัง คนไข้สามารถดีขึ้นและหายจากโรคได้ ซึ่งหมอก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่แพทย์ที่ดี คือช่วยให้คนไข้กลับบ้านไปอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

ความเชี่ยวชาญในการตรวจรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
แม้การแพทย์ในปัจจุบันจะมีการพัฒนาในด้านเครื่องมือและเทคโนโลยีการตรวจรักษาที่ก้าวหน้าขึ้นมาก แต่ในส่วนของอายุรศาสตร์แล้ว ความเชี่ยวชาญในการสืบค้นโรคและการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมยังเป็นหัวใจสำคัญของการรักษา…
“อุปกรณ์ไอที เทคโนโลยีต่างๆ ทางการแพทย์ช่วยให้หมอทำงานง่ายขึ้นก็จริง แต่ที่แผนกอายุรกรรมทั่วไปจะไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรมากนัก เพราะไม่มีการทำหัตถการที่ซับซ้อน ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์จึงยังถือเป็นหัวใจสำคัญของการตรวจรักษาในแผนกนี้
          ถ้าจะให้หมอยกตัวอย่างการรักษา เคสการรักษาที่หมอประทับใจ ก็คือเคสที่หมอช่วยให้คนไข้ที่ป่วยเรื้อรังหายดีได้ คือมีคนไข้รายหนึ่งอายุ 80 กว่าแล้ว ซึ่งก็เคยได้รับการรักษามาตลอด แต่เพิ่งได้มารักษากับหมอเป็นครั้งแรก คุณยายมาด้วยอาการซึม เหนื่อย เพลีย เมื่อหมอตรวจดูรายการยาที่คนไข้กินเป็นประจำ ก็พบว่ามียามากกว่า 10 ชนิด หมอก็วิเคราะห์หาสาเหตุว่าอาการซึมเหนื่อยเพลียเกิดจากยาหรืออะไรกันแน่ ผลสรุปคือหมอก็ค่อยๆ คัดยาที่ไม่จำเป็นออก แล้วเฝ้าติดตามดูอาการของคนไข้ สุดท้ายอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น นอนอยู่โรงพยาบาลแค่สี่ห้าวันก็สามารถกลับบ้านได้ โดยคนไข้ใช้ยาที่น้อยลง และจากที่เคยต้องนัดติดตามอาการบ่อยๆ ก็ค่อยๆ ห่างออกไป สามสี่เดือนค่อยมาพบหมอทีหนึ่ง เคสนี้ก็สรุปได้ว่า การที่เราได้พิจารณาที่ต้นเหตุ หาเหตุให้พบ เมื่อพบว่าคนไข้ใช้ยามากเกินความจำเป็น เราก็แก้โดยการคัดยาออก เมื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด คนไข้ก็มีอาการดีขึ้นได้”

          คุณหมอประวิทย์ มักฝากข้อคิดดีๆ ให้กับคนไข้หรือคนรอบข้างเสมอว่า ไม่ว่ามีอาการเจ็บป่วยใดๆ ให้รีบหาสาเหตุให้พบ แล้วแก้ไขที่จุดนั้น หากใครรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ และไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นภาวะการป่วยต่างๆ ที่เป็นอยู่ไปได้อย่างไร ให้พยายามหาสาเหตุให้เจอแล้วแก้ให้ตรงจุด ถ้าเป็นเหตุที่แก้ไม่ได้ ก็ให้ปล่อยวาง แต่ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน เพราะพื้นฐานสำคัญที่สุดของมนุษย์ การจะมีความสุขได้ต้องรู้จักการเดินสายกลาง ทานอาหารให้พอดี ออกกำลังกายให้พอเหมาะ มีอารมณ์สายกลาง ไม่สุขหรือทุกข์จนเกินไป พร้อมเข้าใจร่างกายและจิตใจของตนเอง เพื่อการมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กัน