1772
แพ็กเกจและโปรโมชั่น
แนะนำ
บริการ
ค้นหาแพทย์
ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
ทำนัด
ศูนย์และคลินิก
การเข้ารับบริการ
ชำระค่าบริการ
บทความ
บทความสุขภาพ
จากใจผู้ใช้บริการ
ข่าวสารและกิจกรรม
เกี่ยวกับเรา
ข้อมูลโรงพยาบาล
ติดต่อเรา
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
สาสน์จากผู้บริหารสูงสุด
ร่วมงานกับเรา
360ํ view
TH
TH
EN
เข้าสู่ระบบ
ค้นหา
บริการ
แพ็กเกจและโปรโมชั่น
แนะนำ
ค้นหาแพทย์
ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
ทำนัด
ศูนย์และคลินิก
การเข้ารับบริการ
ชำระค่าบริการ
บทความ
บทความสุขภาพ
จากใจผู้ใช้บริการ
ข่าวสารและกิจกรรม
เกี่ยวกับเรา
ข้อมูลโรงพยาบาล
ติดต่อเรา
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
สาสน์จากผู้บริหารสูงสุด
ร่วมงานกับเรา
360ํ view
สาขาของเรา
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
บทความ
บทความสุขภาพ
เบาหวานขึ้นจอตา
เปาโล พระประแดง
7 พ.ย. 64
แชร์
เบาหวานขึ้นจอตา ควรดูแลตนเองให้ดี ก่อนสูญเสียการมองเห็น เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อย ในปัจจุบันพบผู้ป่วยเบาหวานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก สำหรับในประชากรไทยพบผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 3.2 ล้านคน จำนวนผู้ป่วยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี
เบาหวานเข้าจอประสาทตา ( Diabetic Retinopathy )
เบาหวานเข้าจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy) หรือเรียกง่ายๆ ว่าเบาหวานขึ้นตา คือภาวะแทรกซ้อนที่พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ส่งผลให้เกิดอาการตามัว ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดได้ ปัจจัยที่ทำให้เกิดเบาหวานขึ้นตา มีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินเกณฑ์จากการคุมโรคเบาหวานได้ไม่ดี และระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ยิ่งเป็นเบาหวานนานหลายปี โอกาสที่เบาหวานจะขึ้นตาก็มีมากตามไปด้วย
ระยะของเบาหวานขึ้นตา :
เบาหวานขึ้นตาแบ่งเป็น 2 ระยะตามความรุนแรงของโรค ได้แก่
เบาหวานขึ้นตาระยะเริ่มแรกหรือระยะที่ยังไม่มีหลอดเลือดเกิดใหม่ (Nonproliferative Diabetic Retinopathy: NPDR)
เป็นระยะที่ผนังหลอดเลือดที่จอตาไม่แข็งแรง ส่งผลให้หลอดเลือดโป่งพอง อาจทำให้เลือดหรือของเหลวรั่วออกมาในจอตา ทำให้เกิดจอตาบวม ในระยะเริ่มแรกอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หากเกิดหลอดเลือดรั่วบริเวณจุดภาพชัด (Macula) จะทำให้เกิดจุดภาพชัดบวม (Macular Edema) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการมองเห็น หากมีการอุดตันของหลอดเลือด อาจทำให้เกิดจอตาหรือจุดภาพชัดขาดเลือด (Macular Ischemia) ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นได้
เบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้า หรือระยะที่มีหลอดเลือดเกิดใหม่ (Proliferative Diabetic Retinopathy: PDR)
เป็นระยะที่หลอดเลือดเกิดการอุดตันจนเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ มีการขาดเลือดที่จอตามากจนเกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งหลอดเลือดที่สร้างขึ้นใหม่เหล่านี้อาจไม่ได้พัฒนาอย่างเหมาะสม มีผนังไม่แข็งแรง เปราะแตกฉีกขาดได้ง่าย ทำให้มีเลือดออกในวุ้นตา เกิดพังผืดดึงรั้งจอตา ซึ่งเป็นสาเหตุให้จอตาลอก (Retinal Detachment) ตามมาได้ หรือถ้าหากเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นไปรบกวนการระบายน้ำออกจากลูกตา ส่งผลให้ความดันตาสูงขึ้น เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทตาและเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต้อหิน (Neovascular Glaucoma) ได้
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดเบาหวานขึ้นจอตา
ปัจจัยที่มีผลต่อการมีเบาหวานขึ้นจอตา มากหรือน้อย มีดังนี้
ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ยิ่งเป็นเบาหวานมานาน ยิ่งมีโอกาสพบมีเบาหวานขึ้นจอตาได้บ่อยและรุนแรงมากขึ้น
การคุมระดับน้ำตาล ยิ่งคุมได้ดี ยิ่งลดโอกาสเกิดและลดความรุนแรงของเบาหวานขึ้นจอตา
การมีไตวายจากเบาหวาน เป็นตัวบ่งชี้ว่าน่าจะมีเบาหวานขึ้นจอตาด้วยเช่นกัน การรักษาโรคไตมีส่วนช่วยให้เบาหวานขึ้นจอตาดีขึ้น
ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดของจอตา ซ้ำเติมภาวะเบาหวานขึ้นจอตามากยิ่งขึ้น
การมีไขมันในเลือดสูง การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงอาจช่วยลดการรั่วของไขมันสะสมที่จอตาได้
ผู้หญิงที่มีเบาหวานและมีการตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดเบาหวานขึ้นจอตาได้ หรือทำให้เบาหวานขึ้นจอตาที่มีอยู่แล้วรุนแรงมากขึ้นได้
การตรวจตาโดยจักษุแพทย์
การตรวจตาโดยจักษุแพทย์ จะเริ่มจากการซักประวัติ ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ประวัติการคุมเบาหวาน โรคประจำตัวอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย ประวัติเบาหวานในครอบครัว อาการที่นำมาพบแพทย์ หลังจากนั้นจึงตรวจการมองเห็น ตรวจส่วนหน้าของตา และวัดความดันลูกตาแล้ว จะต้องมีการขยายม่านตาเพื่อตรวจจอตาอย่างละเอียด เพื่อตรวจดูว่ามีเบาหวานขึ้นจอตาหรือไม่ การขยายม่านตามักทำให้มีอาการตามัวประมาณ 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่ควรขับรถเองในช่วงเวลาดังกล่าว และควรพาญาติไปด้วย
ผู้ที่เป็นเบาหวานเมื่อไรควรได้รับการตรวจตา?
ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ต้องพึ่งยาฉีดอินซูลิน ควรได้รับการตรวจตาทันทีที่ทราบว่าเป็นเบาหวาน ส่วนผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องพึ่งอินซูลิน ในระยะ 5 ปีแรกอาจยังไม่จำเป็นต้องตรวจตา (แต่จะตรวจก็ได้) ถ้าผลการตรวจครั้งแรกพบว่าเบาหวานยังไม่ขึ้นตา ควรตรวจซ้ำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้าพบมีเบาหวานขึ้นจอตาแล้ว อาจจำเป็นต้องตรวจบ่อยขึ้น เช่น ทุก 3-6 เดือน แล้วแต่ความรุนแรง
การป้องกันเบาหวานไม่ให้ขึ้นตาหรือชะลอความรุนแรงของเบาหวานขึ้นตา
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ได้แก่ ค่าน้ำตาลสะสมหรือ Hemoglobin A1C ไม่ควรมีค่าเกิน 7%
หากมีโรคอื่นร่วมด้วย ได้แก่ ความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดสูง ควรคุมค่าความดันโลหิตและค่าไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควบคู่ไปกับการคุมเบาหวาน จะช่วยชะลอความรุนแรงของเบาหวานขึ้นตาได้
หมั่นตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตากับจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจาก หากพบเบาหวานขึ้นตาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผลการรักษาจะดีกว่าเจอโรคในระยะรุนแรงแล้ว
เนื่องจากการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินของโรคในระยะยาว การตรวจน้ำตาลในกระแสเลือดเป็นการตรวจหาน้ำตาลในขณะนั้นและมีการแปรปรวนได้มาก ในปัจจุบันมีการตรวจหา Hemoglobin A1c ซึ่งเป็นการตรวจค่าเฉลี่ยของน้ำตาลในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ค่าปกติของคนที่ไม่เป็นเบาหวานอยู่ที่ 5 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมได้ดีควรอยู่ต่ำกว่า 7 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากค่า Hemoglobin A1c มากกว่า 8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะต้องเปลี่ยนแปลงการรักษา เช่น ยา การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ความเครียด
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
แผนกอายุรกรรม 02 818 9000 ต่อ 130 , 131
แชร์
ยืนยัน
เลือกสาขารพ.
เลือกสาขารพ.
เลือกสาขารพ.
เลือกสาขารพ.
เลือกสาขารพ.
เลือกสาขารพ.
ตะกร้าสินค้าของคุณ
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกสาขารพ.