ไม่อยากเสี่ยง "นิ่วในถุงน้ำดี" ..เลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
20-มี.ค.-2566
แม้เราจะรู้ว่า “นิ่วในถุงน้ำดี” เกิดได้จากพันธุกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักจากพฤติกรรมที่ทำอยู่ สาเหตุจากพันธุกรรมมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

พฤติกรรมแบบไหนทำคุณเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี?
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าถุงน้ำดีมีหน้าที่เก็บสะสมน้ำดีที่ตับสร้างไว้ เพื่อใช้น้ำดีย่อยอาหารประเภทไขมัน โดยในน้ำดีจะประกอบไปด้วยสารคอเลสเตอรอล กรดน้ำดี สารฟอสโฟลิพิด (Phospholipids) และสารอื่นๆ ทว่าหากสารเคมีดังกล่าวในถุงน้ำดีมีสัดส่วนที่ไม่สมดุลกัน หรือมีการคั่งของน้ำดีในท่อในถุงน้ำดีมากกว่าปกติ น้ำดีก็จะตกเป็นผลึก จับตัวเป็นก้อน กลายเป็นก้อนนิ่วขึ้นมาได้ ต้นเหตุทำให้สัดส่วนสารเคมีในถุงน้ำดีไม่สมดุลกันมาจาก
• นิยมรับประทานอาหารไขมันสูง เมนูอาหารที่อร่อยๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมูติดมัน หมูกระทะที่เราชอบแวะเวียนไปรับประทานกันบ่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากส่วนประกอบที่เป็นไขมัน เพราะไขมันจะช่วยให้อาหารกลมกล่อมและนุ่มขึ้น น้ำดีก็มีหน้าที่หลักทำให้ไขมันแตกตัวง่ายต่อการย่อยด้วยน้ำย่อย ซึ่งการที่เรารับประทานอาหารไขมันสูง เส้นใยอาหารต่ำ ทำให้เกิดการสะสมไขมันและคลอเรสเตอรอลในร่างกาย การย่อยไขมันไม่สมบูรณ์ เกิดการสะสม และเมื่อสะสมเป็นเวลานานอาการนิ่วในถุงน้ำดีจะเกิดแน่นอน
• ปล่อยตัวเองให้อ้วน ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้ตนเองเข้าสู่ภาวะอ้วน หากรู้ว่ากำลังเข้าสู่ภาวะอ้วน ให้เลือกวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง โดยการรับประทานอาหารประเทศกากใยเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผัก หรือผลไม้ ควรค่อยๆ ลดน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักโหมจนน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ การที่เราพยายามลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ จะทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากขึ้น รวมถึงถุงน้ำดีจะบีบตัวลดน้อยลง น้ำดีจึงค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น โอกาสเกิดการตกตะกอนก็มากขึ้น รวมถึงการรับประทานยาลดไขมันบางชนิดก็เป็นปัจจัยเสี่ยง
• ขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งนั่นจะช่วยลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้น คนที่ขาดการออกกำลังกายจึงมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่ออกกำลังกาย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับของไขมันทั้งคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น (Triglyceride เป็นไขมันอีกชนิดที่เพิ่มโอกาสการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี) และถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น ใครรู้ตัวว่าตนเองมีความเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำ ก็ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย เช่น ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่องนานๆ หรือทานฮอร์โมนทดแทนนานเกินไป เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนและการตั้งครรภ์ มีผลเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลและลดการเคลื่อนตัวของถุงน้ำดีเช่นกัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ ศัลยกรรม