รู้เท่าทันอาการเส้นเลือดขอด
การนั่ง หรือยืนเป็นเวลานานๆ จากการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ล้วนเป็นหนึ่งปัจจัยทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี เกิดแรงดันภายในหลอดเลือดดำ เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดเส้นเลือดขอด เส้นเลือดขอดเกิดจากเส้นเลือด และขั้วเปิด - ปิดในเส้นเลือดไม่สมบูรณ์ เสื่อมสภาพ จึงเกิดการคั่งของเส้นเลือด ปกติขณะที่หัวใจสูบฉีดส่งเลือดแดงเลี้ยงอวัยวะในร่างกาย จะมีเลือดที่ใช้ออกซิเจนหมดแล้วขึ้นกลับไปฟอกใหม่ ซึ่งเส้นเลือดในบางเส้นที่ไม่มีความแข็งแรงจะไม่สามารถส่งเลือดกลับไปได้ตามปกติ จึงมีการคั่งของเลือด ทำให้เส้นเลือดขอด
เส้นเลือดขอดที่ขามี 2 ประเภท คือ
- เส้นเลือดโป่ง (Varicose Veins) เกิดจากผนังเส้นเลือดบาง ทำให้เส้นเลือดพอง และขดเป็นหยักอาจมีสีเขียวผสมม่วง
- เส้นเลือดฝอย ลักษณะเป็นแพแบบเส้นใยแมงมุม (Spider Veins) อยู่ตื้นมีขนาดเล็ก สีม่วงหรือแดงมองเห็นคล้ายใยแมงมุม
อาการของเส้นเลือดขอดสามารถเห็นได้ อาจมีลักษณะเป็นเส้นสีแดง สีม่วง และสีเขียวตามจุดต่างๆ ของร่างกาย อาทิ บริเวณน่อง ขาพับ ต้นขา อาการอื่น ๆ เช่น บางรายอาจปวดเมื่อยขา เมื่อได้นอนราบและยกขาสูงจะรู้สึกดีขึ้น แต่ในบางรายไม่มีอาการร่วมหากปล่อยไว้นานจะเป็นมากขึ้นได้
สาเหตุของเส้นเลือดขอด
1. เกิดจากทำงานโดยต้องยืน เดิน นานๆ เช่น พนักงานขายสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสาร2. เกิดจากกรรมพันธุ์ พ่อแม่มีหลอดเลือดขอด ลูกก็มีโอกาสเป็นด้วย3. เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะเป็นหลอดเลือดขอดเพิ่มขึ้นเนื่องจากความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของลิ้นหลอดเลือดลดน้อยลง4. เกิดจากฮอร์โมนเพศ ซึ่งเพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชายเนื่องจากผลของฮอร์โมนเพศหญิงโดยตรง5. เกิดจากการมีน้ำหนักมากเกินไป คนที่มีน้ำหนักมากเกินเลือดจะหมุนเวียนได้ไม่สะดวก จะเกิดการคั่งค้างของเลือดบริเวณขามากขึ้น จึงทำให้เกิดหลอดเลือดขอดได้มาก6. เกิดจากการกระทบกระแทกหรือกดทับเช่น ไขว่ห้าง เนื่องจากเลือดเดินไม่สะดวก7. เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่ดี
แนวทางการจัดการกับเส้นเลือดขอดสามารถทำได้โดย
แพทย์จะพิจารณาจากอาการ และลักษณะของเส้นเลือดที่ขอดของแต่ละบุคคล ซึ่งมี 2 แนวทางด้วยกัน คือ การรักษาเส้นเลือดขอดโดยไม่ผ่าตัดแบบประคับประคอง ด้วยวิธีรักษาตามอาการ ตั้งแต่การปฏิบัติตัวเปลี่ยนอิริยาบถ, สวมถุงน่องชนิดพิเศษ ซึ่งมีความหนา และแน่นกว่าถุงน่องทั่วไป,ใช้ยานวดบรรเทาอาการ, การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ และเมื่อรับการรักษาข้างต้นที่กล่าวมา แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายเป็นการรักษาเส้นเลือดขอดแบบผ่าตัดจะทำในกรณีเกิดภาวะอุดตันภายในหลอดเลือดอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆและมีภาวะแทรกซ้อน
ทำไมต้องรักษา
เส้นเลือดขอดเป็นโรคที่หลายๆ คนละเลย เพราะคิดว่าไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อการดำเนินชีวิต แต่ความจริงแล้ว หากเราปล่อยให้เส้นเลือดขอดอยู่กับเราไปนานๆ คุณอาจจะต้องทุกข์ทรมานกับอาการปวดจนถึงขั้นไม่สามารถที่จะยืนหรือเดินได้ หรือในบางรายเป็นมากจนถึงขั้นเส้นเลือดแตก การรักษาหลอดเลือดขอด ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นเลือดขอดมี 5 วิธี
1. การพันขาลดอาการคั่งบวม
2. การฉีดสารเคมีทำให้หลอดเลือดตีบ (Sclerotherapy)
3. การใช้ คลื่นความถี่วิทยุ Radio Frequency Ablation (RFA)
4. การใช้ Laser
5. การผ่าตัด
ทางเลือกใหม่ในการจัดการ “เส้นเลือดขอด”
Radio Frequency Ablation (RFA) เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและมีแผลขนาดเล็ก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลังการรักษากลับบ้านได้ทันที ทำให้ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน การรักษาด้วย Radio Frequency Ablation (RFA) ใช้หลักการเดียวกับการเลเซอร์โดยใช้สาย Fiberoptic เข้าไปในหลอดเลือดดำที่มีปัญหาและพลังงานของ Radio Frequency เข้าไปสลายหลอดเลือดเหล่านั้น
คำแนะนำในการปฏิบัติหลังการรักษา
1. ควรงดการยกของหนักหรือยืนนานๆ เป็นเวลา 3 - 7 วัน2. ควรใส่ผ้ายืดหรือซัพพอร์ทในบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อประคองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณนั้น ส่วนระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นเลือด โดยเส้นเลือดเล็กฝอยให้ใส่ไว้ 1 - 3 วัน ส่วนเส้นเลือดขอดขนาดกลาง (ขนาดเท่าไส้ปากกา) ควรใส่อย่างน้อย 7 วัน ขึ้นไป3. ควรออกกำลังกายด้วยการเดินทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้ยากระจายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น4. ควรพบแพทย์ตามนัดภายใน 2 - 4 สัปดาห์ เพื่อแพทย์จะได้ติดตามผลการรักษา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 0-2271-7000 ต่อ ศัลยกรรม