title
อาการนอนไม่หลับ เป็นอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เนื่องจากสมองทำงานไม่เป็นปกติ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปที่อยู่ในชุมชนจะมีปัญหานอนไม่หลับมากกว่าครึ่ง ยิ่งกว่านั้น อาการนอนไม่หลับอาจเป็นอาการเตือนของโรคอื่นๆ ทางสมอง การนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ มาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
โรคพาร์กินสัน หรือบางครั้งอาจเป็นส่วนผสมของยารักษาโรคอื่นที่ไม่เกี่ยวกับโรคทางสมอง
เช่น แอลกอฮอล์ในยาน้ำแก้ไอ หรือ คาเฟอีนที่ผสมอยู่ในยารักษาโรคหวัด เป็นต้น เมื่อผู้สูงอายุหยุดการใช้ยาเหล่านี้ อาการนอนไม่หลับก็จะหายไปเอง ผู้สูงอายุที่มีโรคใดก็ตามที่ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อยๆ ตอนกลางคืน ก็จะมีผลต่อการนอนด้วย เช่น ผู้เป็นเบาหวาน ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะบ่อยครั้งและปริมาณปัสสาวะมาก โรคต่อมลูกหมากโตในผู้สูงอายุชาย โรคไตวายเรื้อรัง หรือแม้แต่การใช้ยาขับปัสสาวะในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือภาวะหัวใจวาย ก็ทำให้มีปัสสาวะตอนกลางคืนได้บ่อย ความเจ็บปวดทางกายจะมีผลทางอ้อมต่อการนอนหลับในผู้สูงอายุเสมอ ที่พบบ่อยมักเกิดจากโรคของกระดูกและข้อเสื่อม ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเรื้อรังได้ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กระดูกคอเสื่อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอาการเจ็บปวดที่เกิดจากอวัยวะภายในช่องท้อง อาทิ ท้องผูก แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย เป็นต้น ผู้สูงอายุที่เริ่มมีสมองเสื่อมในระยะแรกจะมีอาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้าก็เป็นสาเหตุของการนอนยากในผู้สูงอายุ โดยมักจะมีลักษณะที่เข้านอนได้ตามปกติแต่ตื่นขึ้นกลางดึก เช่น ตี 3-4 แล้วไม่สามารถนอนต่อได้อีก
จากสาเหตุของการนอนไม่หลับที่กล่าวมาข้างต้น จึงจำเป็นที่ผู้ป่วยต้องได้รับการซักประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการนอน และรับการตรวจร่างกายจากแพทย์โดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการนอนไม่หลับในแต่ละราย
ข้อปฏิบัติที่ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับในผู้สูง
พยายามหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน หรือจำกัดเวลาการนอนกลางวัน ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมงในช่วงบ่าย
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ โดยเฉพาะการทานในเวลาเย็น เป็นต้น
ไม่ควรดื่มน้ำในช่วง 4-5 ชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลาเข้านอน ถ้ามีปัญหาปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ
เพิ่มกิจกรรม หรือการออกกำลังกาย ในช่วงเวลากลางวันให้มากขึ้น
ถ้าผู้สูงอายุไม่มีอาการง่วงนอนเมื่อถึงเวลาเข้านอน และไม่สามารถนอนหลับได้ ก็ควรลุกขึ้นมาหาอะไรทำ ดีกว่าที่จะนอนกลิ้งไปมาบนเตียง
กำหนดเวลาอาหารมื้อเย็นให้คงที่ สม่ำเสมอ และควรจะเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง
เมื่อเทียบกับมื้ออื่นๆ
พยายามจัดสิ่งแวดล้อมภายในห้องนอนให้เงียบ และมืดพอสมควร ไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป
ฝึกการทำสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ โรคระบบประสาทและสมอง