การตรวจมะเร็งปากมดลูก…ใครว่าน่ากลัว??

การตรวจมะเร็งปากมดลูก...เรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม


ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่ข่าวดีคือมะเร็งชนิดนี้ สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ การตรวจคัดกรองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง การปล่อยให้เป็นมะเร็งโดยไม่ได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่ามาก

ทำไมต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก?
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง เกิดจากเซลล์บริเวณปากมดลูกที่ติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ชนิดความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรค มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้ตัวเมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ดังนั้นการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีกี่วิธี?
ปัจจุบันมีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ทันสมัยและแม่นยำให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้รับ
1. การตรวจแปปเสมียร์ (Pap Smear) เป็นวิธีดั้งเดิมที่แพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจหาความผิดปกติในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้มีความแม่นยำประมาณ 50-60% และเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง 
2. การตรวจทินเพร็พ (Thin Prep) เป็นการพัฒนามาจากวิธี Pap Smear โดยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงถึง 90% ด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์ในขวดน้ำยาพิเศษ ทำให้เซลล์ไม่เสียหายและตรวจวิเคราะห์ได้ง่ายกว่า
3. การตรวจร่วม (ThinPrep + HPV DNA Test) เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาทั้งเซลล์ที่ผิดปกติและตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อ ไวรัส HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก หากไม่พบเชื้อ HPV คุณสามารถมั่นใจได้ว่าความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะต่ำมาก

ควรตรวจมะเร็งปากมดลูกเมื่อไหร่?
สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองได้ตลอดเวลา ยกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ 10-20 วันหลังมีประจำเดือน เนื่องจากในช่วงนี้ร่างกายจะมีความสะอาด ทำให้การเก็บตัวอย่างเซลล์มีความแม่นยำสูงสุด


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

ศูนย์สุภาพสตรี อาคาร 5 ชั้น 2
โทร. 02-514-4141 ต่อ 5148 - 5220
Line id : @Paolochokchai4