จุดเริ่มต้น…ตรวจเช็กความผิดปกติ
คุณหมอเล่าให้ฟังว่า “จริงๆ แล้วเราสามารถพบความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ตั้งแต่ การซักประวัติคุณแม่ การตรวจร่างกาย การตรวจอัลตร้าซาวด์ ตลอดจนถึงการตัดคัดกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ และการเจาะตรวจน้ำคร่ำ” ซึ่งการตรวจแต่ละอย่างก็จะมีข้อบ่งชี้ที่ช่วยให้ค้นพบความผิดปกติของทารกได้ตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง
รู้จัก “สาเหตุ” การเกิดภาวะทารกในครรภ์ผิดปกติ
ที่มาของทารกผิดปกติในครรภ์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่พันธุกรรม (เป็นโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย) การได้รับสารกระตุ้น(เช่น ยากันชัก ยารักษาสิวบางชนิด) เกิดจากโรคประจำตัวของคุณแม่ (เช่นคุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวานตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี ซึ่งส่งผลไปถึงทารกในครรภ์)หรือไม่แต่ไม่รู้สาเหตุเลยก็มี
เจาะลึก “ความผิดปกติ” ที่แก้ไขได้ยาก
ความผิดปกตินี้ คุณหมอจะแบ่งความผิดปกติออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.ความผิดปกติที่ไม่รุนแรง: ความผิดปกติแบบนี้ยังสามารถผ่าตัดแก้ไขได้ และส่วนใหญ่ทารกมักมีจำนวนแท่งโครโมโซมเป็นปกติ เช่น โรคปากแหว่งเพดานโหว่ ผนังหน้าท้องไม่ปิด รูรั่วกระบังลม เป็นต้น
2. ความผิดปกติที่รุนแรง: ถ้าเป็นเคสนี้จะต้องมีการผ่าตัดแก้ไขที่ซับซ้อน หรือหลังผ่าตัดแล้วมีอาการของโรคหลังผ่าตัดไม่ดี หรือมีโอกาสที่ทารกในครรภ์จะไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ด้วยตัวเอง เช่น ทารกที่มีกลุ่มอาการดาวน์ ทารกที่มีแท่งพันธุกรรมคู่ที่ 13 หรือ 18 เกิน โรคหัวใจพิการชนิดซับซ้อน เช่น หัวใจพิการชนิดเขียวบางชนิด เป็นต้น
ป้องกันได้…ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
คุณแม่ที่ตั้งใจจะมีลูกหลายๆ คนต้องเตรียมตัวกันให้พร้อม เพราะบางอย่างเราก็สามารถป้องกันไว้ก่อนได้ “คู่สมรสที่วางแผนจะมีลูกด้วยกัน ให้ปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการหาโรคที่มีโอกาสทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ หลังจากผ่านการตรวจเตรียมความพร้อมมีบุตร แล้วและไม่พบความเสี่ยงใดๆ คุณหมอก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนหัดเยอรมันและกินยากรดโฟลิคตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงภาวะทารกในครรภ์ผิดปกติไปได้เยอะมาก”
การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทารกมีความผิดปกติเบื้องต้น…ต้องทำให้ตรงจุด
ในการที่จะดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ที่พบว่าทารกมีความผิดปกตินั้น คุณหมอบอกว่าจะต้องดูแลเฉพาะเจาะจงไปตามความผิดปกตินั้นๆ ซึ่งจะอยู่ในดุลยพินิจของคุณหมอ การเลือกเวลาคลอด วิธีการคลอดและสถานที่คลอดที่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันนี้ แนวทางการรักษาส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับความผิดปกติที่ตรวจพบ เช่น ปากแหว่ง ตรวจวิเคราะห์จำนวนแท่งพันธุกรรม การติดตามการเจริญเติบโต อายุครรภ์และวิธีการคลอดไม่แตกต่างจากหญิงตั้งครรภ์อื่นๆ และต้องประสานกับกุมารแพทย์ดูแลทารกแรกคลอดอย่างเหมาะสม