ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตของคนวัยทำงาน

ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตของคนวัยทำงานที่คุณต้องรู้! 
ในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันไปกับการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออยู่ในท่าทางซ้ำ ๆ โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้กลายเป็นปัญหาที่พบบ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การรักษา ไปจนถึงวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับ ปัญหาสุขภาพคนทำงาน ได้อย่างทันท่วงที  

ทำความรู้จักกับ “ออฟฟิศซินโดรม” คืออะไร? 
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) หรือที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) คือภาวะที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือมีอาการชาจากการกดทับเส้นประสาท พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ, ผู้ที่ใช้แรงงานซ้ำ ๆ, นักกีฬา หรือแม้กระทั่งผู้ที่ต้องยืนเป็นเวลานานอย่างผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำ 

สาเหตุหลักของออฟฟิศซินโดรม พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพ 
โรคออฟฟิศซินโดรม ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน

  • ท่าทางการนั่งทำงานที่ผิด: การนั่งหลังค่อม, การวางมือหรือข้อศอกบนโต๊ะที่ไม่ถูกต้อง, หรือการใช้เมาส์ซ้ำ ๆ ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย 
  • สภาพแวดล้อมการทำงานไม่เหมาะสม: ระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่พอดีกับสายตา, ระยะห่างจากจอที่ไม่เหมาะสม, หรือแม้แต่แสงสว่างที่ไม่เพียงพอ ล้วนส่งผลให้คุณต้องปรับท่าทางที่ไม่ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว 

สังเกตอาการ คุณกำลังเข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม หรือไม่? 
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรระวัง เพราะคุณอาจกำลังเป็นออฟฟิศซินโดรม: 

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเรื้อรัง: โดยเฉพาะบริเวณบ่า, ไหล่, หรือสะบัก โดยอาการปวดจะกระจายกว้าง ๆ และมักไม่หายขาด
  • ปวดหลัง, ปวดคอ: รู้สึกตึง เกร็งอยู่ตลอดเวลา 
  • ปวดตึงขา, เหน็บชาที่ขา: เกิดจากการนั่งนาน 
  • มือชา, แขนชา, นิ้วล็อก, ปวดข้อมือ, อ่อนแรง: มักเป็นผลจากการใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 
  • อาการอื่น ๆ ร่วมด้วย: เช่น เหงื่อออก, วูบ, ตาพร่า, หูอื้อ หรือมึนงง 
  • ปวดร้าวไปยังส่วนอื่น: เช่น ปวดร้าวขึ้นศีรษะ, ปวดร้าวไปที่ไหล่, แขน, หรือขาซึ่งสัมพันธ์กับท่าทาง

หากปล่อย อาการออฟฟิศซินโดรม ไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น เช่น โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท, หมอนรองกระดูกปลิ้น หรือกระดูกสันหลังคดได้ ดังนั้น หากมีอาการเตือน ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม 

การรักษาออฟฟิศซินโดรม ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
การรักษา โรคออฟฟิศซินโดรม มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการวินิจฉัยของแพทย์: 

  • ปรับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรม: การปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง, การจัดระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์, โต๊ะ และเก้าอี้ ให้เหมาะสมกับสรีระ
  • การรักษาด้วยยา: เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบ 
  • กายภาพบำบัด: เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ 
  • การออกกำลังกายยืดเหยียดกล้ามเนื้อ: ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด 
  • วิธีทางเลือก: เช่น การฝังเข็ม, การนวดแผนไทย หรือการประคบร้อน/เย็น ซึ่งควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ 


แพทย์จะพิจารณาสาเหตุของอาการ
, ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น, และโรคประจำตัวของผู้ป่วย เพื่อเลือกวิธีการรักษา ออฟฟิศซินโดรม ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล 

ป้องกันออฟฟิศซินโดรม เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ 

ถึงแม้ออฟฟิศซินโดรม จะพบบ่อยในคนทำงาน แต่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ดังนี้: 
  • ออกกำลังกายและยืดกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ: เลือกท่าที่เหมาะสมกับอาการปวดเมื่อยของคุณ 

  • ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน: จัดระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา (ห่างเท่าความยาวแขน), ปรับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้นั่งสบาย 

  • เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ: ลุกเดินหรือขยับร่างกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุก ๆ 1 ชั่วโมง 

  • พักสายตา: หากต้องจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ควรพักสายตาอย่างน้อยทุก 10 นาที เพื่อลดอาการตาล้า

โรคออฟฟิศซินโดรม แม้จะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตประจำวันของคุณได้ การใส่ใจสุขภาพและเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจาก แพทย์เฉพาะทาง หากมีอาการเข้าข่าย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์กระดูกและข้อ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2130-2131 
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line ID : @paolo_pls
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn
Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn