ไขมันอันตรายทำร้ายถุงน้ำดี
โรงพยาบาลเปาโล
09-ม.ค.-2562
นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วชนิดนี้อาจจะไม่คุ้นหูเหมือนนิ่วในอวัยวะอื่นๆ ที่พบได้บ่อยกว่าอย่างนิ่วในไต ท่อไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ถึงแม้ว่าจะพบไม่บ่อยแต่ก็นับเป็นโรคที่อันตราย เพราะผู้ป่วยอาจจะต้องเสียถุงน้ำดีไปทำให้ระบบย่อยอาหารขาดสมดุล วันนี้เรามารู้จักปัจจัยเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีกันกว่า

ถุงน้ำดีคืออะไร เกี่ยวข้องกับไขมันที่เรากินเข้าไปอย่างไร?

“ถุงน้ำดี เป็นอวัยวะรูปวงรีคล้ายกับลูกแพร์ มีขนาดประมาณ 4 นิ้ว อยู่ใต้ตับ บริเวณส่วนบนขวาของช่องท้อง ถุงน้ำดีทำหน้าที่เหมือนอ่างเก็บน้ำแต่เป็นการเก็บกักน้ำดีจากตับเอาไว้เพื่อให้น้ำดีมีปริมาณพอและเข้มข้น เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ถุงน้ำดีก็จะบีบน้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหารเพื่อช่วยย่อยสารอาหารประเภทไขมัน แต่หากเรากินอาหารที่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอลมากเกินไปและย่อยไม่หมดจนเกิดการสะสมในร่างกายรวมไปถึงสะสมในถุงน้ำดี ก็จะทำให้ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำดีในถุงน้ำดีขาดสมดุลจนเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกของคอเลสเตอรอล และมีหินปูนที่เกิดจากสารแคลเซียมมาจับตัวร่วมด้วย เราเรียกตะกอนนี้ว่า ‘นิ่วในถุงน้ำดี’ ซึ่งตะกอนนี้อาจจะเป็นมีลักษณะเล็กๆ หลายก้อน หรือเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียวก็ได้”

นอกจากไขมันแล้ว ปัจจัยอะไรที่เพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดีได้อีก

  • อายุ : ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ 60 ปีขึ้นไปจะพบสูงมาก
  • เพศ : ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า
  • การตั้งครรภ์ : ขณะตั้งครรภ์หรือกินยาคุมกำเนิด หรือกินฮอร์โมนเอสโตรเจน จะส่งผลให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น และลดการเคลื่อนตัวของถุงน้ำดี จึงทำให้ตกตะกอนเป็นนิ่วได้ง่าย
  • น้ำหนักตัว : คนอ้วน โดยเฉพาะคนที่ชอบกินอาหารมันๆ เป็นประจำ
  • เชื้อชาติ : คนตะวันตกอย่างคนอเมริกันเป็นโรคนี้สูงกว่าคนเอเชีย เพราะมีพันธุกรรมที่ทำให้มีคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงกว่า
  • พันธุกรรม : หากคนในครอบครัวเป็น คนอื่นๆ ในบ้านก็มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงขึ้น
  • การกิน : อาหารมัน หวาน แอลกอฮอล์ เพราะทำให้มีคอเลสเตอรอลสูง
  • ผู้ที่ป่วยบางโรค : เป็นโรคเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย จะมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเรื้อรังซึ่งทำให้มีสารบิลิรูบินในน้ำดีสูงขึ้น ผู้ที่เป็นโรคตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์และน้ำตาลในเลือดสูง

ลดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี

เราพบว่าปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีคือ การมีคอเลสเตอรอลสูงและมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนมาลดความเสี่ยง ด้วย 5 วิธีง่ายๆ ที่ทำได้เอง...
  1. การกิน : หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด เนยเค็ม น้ำสลัดครีม เนื้อสัตว์ที่ติดมัน รวมถึงเบคอน เครื่องในสัตว์ต่างๆ อาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาหมึก ปู หอยแครง หอยนางรม หรืออาหารประเภทไข่โดยเฉพาะไข่แดง อาหารหวานจัดพวกขนมหวานที่มีน้ำตาลและกะทิ เช่น กล้วยบวชชี ขนมหม้อแกง ขนมถ้วย ขนมหรือของกินเล่นที่มีไขมันแฝงตัวอยู่มาก เช่น ไอศกรีม คุกกี้ โดนัท เค้ก ก็ควรทานให้น้อย รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันไตรกลีเซอไรด์ โดยรวมแล้วอาหารทุกอย่างที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสะสมไขมันและคอเลสเตอรอลก็ไม่ควรทานเยอะ เพราะยิ่งสะสมนานและมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อสูงวัยก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
  2. เบาหวาน : ระมัดระวังการกินและการใช้ชีวิต อย่าให้เป็นเบาหวาน หมั่นออกกำลังกาย แต่หากเป็นแล้วก็ต้องควบคุมโรคให้ระดับไตรกลีเซอไรด์และน้ำตาลในเลือดอยู่ในค่ามาตรฐาน อย่าให้สูง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
  3. ความอ้วน : ดูแลน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินไป เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลมากกับการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี แต่ใช่ว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติจะมีคอเลสเตอรอลสูงไม่ได้ เราจึงควรตรวจค่าคอเลสเตอรอลและดูแลให้อยู่ในระดับมาตรฐานเสมอ
  4. ลดน้ำหนัก : เพราะการลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นจะส่งผลให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลออกมาสู่ถุงน้ำดีมากขึ้น ทำให้ถุงน้ำดีบีบตัวน้อยลง น้ำดีก็จะค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้นจนอาจตกตะกอนและกลายเป็นนิ่วในที่สุด การลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉลี่ยแล้วไม่ควรลดน้ำหนักมากกว่า 2-3 กิโลกรัมต่อเดือน
  5. การคุมกำเนิด : คุณผู้หญิงที่คุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือกินฮอร์โมนทดแทนนานเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีเพิ่มขึ้น หากต้องการคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์หรือใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทนบ้างสลับกันไป หรือให้ฝ่ายชายเป็นผู้คุมกำเนิดแทนบ้าง
    ปรึกษาแพทย์ออนไลน์