ผ่าตัดส่องกล้อง ทางเลือกใหม่ในการรักษา
โรงพยาบาลเปาโล
09-ม.ค.-2562
แต่ไหนแต่ไรใครๆ ก็กลัวการผ่าตัด เพราะเมื่อนึกถึงการที่จะต้องถูกกรีดด้วยมีดเป็นแผลยาวเพื่อทำการรักษาอวัยวะภายในนั้น ไหนจะเสียเลือด ไหนจะเจ็บแผล และกว่าจะหายกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมการผ่าตัดโรคในช่องอกและช่องท้องที่เรียกว่า การผ่าตัดส่องกล้อง หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery - MIS) ที่ตอบโจทย์ได้ดี เพราะกระทบต่ออวัยวะข้างเคียงน้อย เสียเลือดน้อย มีแผลเพียงเล็กๆ หรือไม่มีแผลภายนอกเลย ลดโอกาสเกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนได้ดี แถมไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลหลายคืน ทำให้กลับใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น จึงเป็นการผ่าตัดที่ลดความกังวลของผู้ป่วยและญาติไปได้มาก

แผลเล็กเจ็บน้อย ผ่าตัดได้หลายโรค

การผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery - MIS) จะกระทบกระเทือนต่ออวัยวะข้างเคียงน้อยมาก เพราะแพทย์จะทำการเจาะรูเล็กๆ ประมาณ 0.5 ซม. 3 จุด และ 1 ซม. ที่หน้าท้องบริเวณสะดืออีก 1 จุด หรือแล้วแต่อวัยะที่ต้องการผ่าตัด เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่านรูผนังหน้าท้อง โดยศัลยแพทย์จะเห็นอวัยวะที่ต้องการรักษาผ่านจอภาพขยายใหญ่ทำให้เห็นจุดที่ต้องผ่าตัดชัดเจนจึงมีความแม่นยำสูง ทั้งยังทำได้กับโรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น นิ่วในถุงน้ำดี ไส้ติ่ง ไส้เลื่อน โรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร หรือแม้แต่โรคในอวัยวะภายในของสตรี การผ่าตัดผ่านกล้องก็ทำได้ดี เช่น โรคถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์ เนื้องอกที่รังไข่และมดลูก ซึ่งแต่ละโรคนั้นก็มีรายละเอียดต่างกันไป ดังนี้...

การผ่าตัดผ่านกล้อง นิ่วในถุงน้ำดี (Laparoscopic Cholecystectomy)

เมื่อเจาะรูและสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องท้องแล้ว แพทย์จะทำการเลาะถุงน้ำดีออกจากตับ และนำออกมาตรงรูที่เจาะไว้บริเวณสะดือ แพทย์จะใช้คลิปหนีบห้ามเลือดแทนไหมเย็บแผล ผ่าตัดเสร็จก็ทำการเย็บปิดแผลที่ผิวหน้าท้องให้เรียบร้อย แผลจึงเล็กและเจ็บน้อย

การผ่าตัดผ่านกล้อง ไส้ติ่ง (Laparoscopic Appendectomy)

แพทย์จะใส่เครื่องมือผ่าตัดผ่านรูและไส้ติ่งออกโดยใช้กล้องช่วยนำทาง แต่หากแพทย์พบว่าไส้ติ่งแตกหรือมีการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องที่เกิดจากการติดเชื้อ อาจมีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องแทน การจะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ความเสี่ยง โดยประเมินจากสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

การผ่าตัดส่องกล้อง ไส้เลื่อน (Laparoscopic Herniorrhaphy)

การผ่าตัดส่องกล้องไส้เลื่อนทำได้ 2 วิธี คือ การผ่าตัดผ่านชั้นก่อนเข้าช่องท้อง และการผ่าตัดเข้าช่องท้อง ผู้ป่วยจะมีแผลเล็กๆ ขนาดประมาณ 1.5 ซม. 1 แผล และ 0.5 ซม. 2 แผล แพทย์จะดึงถุงไส้เลื่อนกลับเข้ามาในช่องท้อง วางแผ่นสังเคราะห์ปิด โดยยึดไว้ด้วยหมุดโลหะ เป็นการผ่าตัดที่รบกวนเนื้อเยื่อน้อย ลดการเกิดพังผืดในช่องท้อง การปวดแผลก็น้อย ลดภาวะแทรกซ้อนและอัตราการเป็นซ้ำ ทั้งยังซ่อมไส้เลื่อนขาหนีบได้ทุกชนิดในข้างเดียวกันในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว ในบางคนสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังฟื้นตัว หรือนอนโรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน และภายใน 1 สัปดาห์ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากไม่มีอาการเจ็บแผลอีกภายใน 2-4 สัปดาห์ ก็ออกกำลังกายหนัก หรือเล่นกีฬาได้เลย

การผ่าตัดผ่านกล้อง เนื้องอกสำไส้ใหญ่ (Laparoscopic Colectomy)

แพทย์จะทำการตัดลำไส้ใหญ่ที่มีเนื้องอกออกด้วยการดูภาพจากจอมอนิเตอร์ เมื่อตัดและนำลำไส้ใหญ่และเนื้องอกออกหมดแล้ว แพทย์จะเย็บต่อลำไส้ใหญ่ส่วนที่ไม่ได้ตัดออกเข้าด้วยกัน หรือต่อลำไส้ส่วนที่เหลือมาเปิดที่หน้าท้อง หรือต่อลำไส้เล็กเข้ากับรูทวารหนัก ขึ้นอยู่กับว่ามีสำไส้ใหญ่ส่วนดีเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

การผ่าตัดผ่านกล้อง พังผืดในช่องท้อง (Laparoscopic lysis adhesion)

พังผืดในช่องท้องมักเกิดจากการบาดเจ็บของเยื่อบุช่องท้อง อาจเกิดจากการผ่าตัด เช่น ผ่าตัดมดลูก ผ่าตัดทวารหนัก หรือประสบอุบัติเหตุ พังผืดที่เกิดขึ้นอาจเป็นเส้นหรือเป็นแผ่น ทำให้ลำไส้และหรืออวัยวะภายในติดกัน เช่น ลำไส้ติดกับผนังหน้าท้อง ท่อรังไข่ติดกับลำไส้ หรือตับติดกับกระบังลม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการปวดหรือเกิดการอักเสบของอวัยวะที่ถูกพังผืดรบกวน หรือเกิดสำไล้อุดตัน ท่อรังไข่อุดตันในผู้หญิง ก็จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดเลาะเอาพังผืดออก การผ่าตัดส่องกล้องเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้การผ่าตัดเกิดแผลเล็ก เจ็บน้อย ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และฟื้นตัวได้รวดเร็ว

การผ่าตัดผ่านกล้อง กระเพาะอาหาร (Laparoscopic Gastrectomy)

การผ่าตัดรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะ กระเพาะอาหารทะลุ แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดโดยอาจทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน หรือผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด ถ้าจำเป็นต้องผ่าออกทั้งหมดแพทย์จะทำการต่อหลอดอาหารเข้ากับลำไส้เล็กโดยตรงเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ตามปกติ การผ่าตัดผ่านกล้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ดี และยังไม่เกิดรอยแผลขนาดใหญ่แบบการผ่าตัดเปิดช่องท้อง

ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง

  • ขนาดของแผลเล็กเพียง 1-2 ซม. ในขณะที่การผ่าตัดแบบเปิดจะมีแผลกว้างถึง 12-20 ซม. ลดขนาดของแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
  • แพทย์มองเห็นรายละเอียดของตำแหน่งที่ต้องการผ่าตัดได้ชัดเจนด้วยกำลังขยายของกล้อง ทำให้ผ่าตัดได้ตรงจุดจึงลดการกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ
  • ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในที่ทำการผ่าตัด ทำให้เจ็บน้อย ปวดน้อย ลดการเสียเลือด ฟื้นตัวไว
  • ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน และโรคแทรกซ้อนต่างๆ ลดการเกิดพังผืดในช่องท้องจากการผ่าตัดแบบเปิด
  • พักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน ในบางกรณีอาจจะกลับบ้านได้ทันทีหลังการผ่าตัด ซึ่งเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นสัปดาห์
  • ปลอดภัยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง

ข้อจำกัดของการผ่าตัดส่องกล้อง

  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ แต่ก็ไม่ต้องพักฟื้นนาน จึงลดค่าใช้จ่ายการนอนโรงพยาบาล
  • ไม่สามารถใช้วิธีนี้กับผู้ป่วยในบางราย เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคปอดและหัวใจขั้นรุนแรง หรือผู้ที่เคยผ่าตัดและมีพังผืดในท้องมากๆ
        ปรึกษาแพทย์ออนไลน์