ไขข้อข้องใจ...ทำไมต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก?
เมื่อพูดถึง "มะเร็งปากมดลูก" หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้ว มะเร็งปากมดลูกคือโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ เพราะแม้มีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียว ก็สามารถติดเชื้อที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
การตรวจมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งหากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ก็จะสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษา ดังนั้นเรามาดูกันว่า ทำไมเราต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก และมีวิธีการตรวจแบบใดบ้าง?
ทำไมต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก?
การตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของเซลล์ในระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งหากตรวจพบความผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็ง การรักษาจะสามารถทำได้ง่ายกว่า และประสิทธิภาพการรักษาจะสูงถึงเกือบ 100% ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง
กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
มีวิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกแบบไหนบ้าง?
ลดความเสี่ยงอย่างไร...ให้ปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูก
วิธีดูแลและการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้ เพียงแค่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
1. ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV : เป็นที่ทราบกันดีในปัจจุบันว่ามะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-45 ปี สำหรับเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 9-14 ปีนั้น การฉีดวัคซีนจะทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นได้สูง และอยู่ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นในเด็กหญิงวัยนี้ การฉีดเพียง 2 เข็ม (ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน) ก็สามารถป้องกันการได้รับเชื้อ HPV ได้สูงพอๆ กับวัยผู้ใหญ่ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) ที่ฉีด 3 เข็ม (ภายในระยะเวลา 6 เดือน) โดยปัจจุบัน วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV มี 2 แบบ คือ ชนิด 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์ ซึ่งวัคซีน 9 สายพันธุ์ มีประสิทธิภาพการป้องกันการได้รับเชื้อ HPV สูงกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แม้การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้สูงมาก แต่ก็ยังไม่ถึง 100% ดังนั้น ผู้หญิงไม่ว่าจะวัยใดที่แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนครบจำนวนแล้ว ก็ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 2-3 ปี ตามคำแนะนำมาตรฐานเช่นเดียวกัน
2. ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ : ไม่ว่าจะเป็นการตรวจด้วยวิธีแปปสเมียร์ HPV DNA หรือด้วยสารละลายอะซิติก การตรวจเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่สามารถคัดกรองและป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ตั้งแต่เนิ่นๆ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ก็สามารถรักษาได้ทันท่วงที โดยสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 21-65 ปี
นอกจากนี้การดูแลร่างกายให้แข็งแรง เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือผ่อนคลายจากความเครียด การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกและยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
การตรวจมะเร็งปากมดลูกทำให้เจ็บหรือไม่?
สำหรับการตรวจมะเร็งปากมดลูก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษ สเปคคูลัม (Speculum) เพื่อให้มองเห็นปากมดลูก และเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ ใช้เวลาทำเพียงไม่กี่นาที และไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่ผลจากการตรวจสามารถทำให้รู้ถึงความเสี่ยงและปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูกได้ในระยะยาว
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แต่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก เพราะเป็นวิธีที่ช่วยคัดกรองโรคร้ายในร่างกาย รวมถึงการรับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ก็จะสามารถเพิ่มเกราะป้องกันให้กับร่างกาย และหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ก็จะทำให้คุณห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูก
บทความโดย
นายแพทย์สุนำโชค ศรีใจพระเจริญ
แพทย์สาขาสูตินรีเวช
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2201-2202
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line ID : @paolo_pls
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn
Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn