-
ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วย...วัคซีนป้องกัน HPV
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
11-มี.ค.-2567
ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วย...วัคซีนป้องกัน HPV
          มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย และจะมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยมีสถิติของผู้เสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน และเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงทั่วโลกเสียชีวิตมากกว่าปีละ 270,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 650 ค

ไวรัสเอชพีวี (HPV) ที่มาของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
          มะเร็งปากมดลูก ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่มีสาเหตุสำคัญมาจากการติดเชื้อไวรัส ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แพทย์และนักวิจัยได้พยายามศึกษาหาสาเหตุของโรคร้ายนี้ และได้ค้นพบว่าประมาณ 99.7% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก จะตรวจพบไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอชพีวี (Human Papillomavirus) ตัวเชื้อไวรัสเองนั้นก็มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งส่วนมากจะไม่ทำให้เกิดอาการใดๆ และมักจะหายไปได้เองตามระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ในจำนวนนี้มีประมาณ 30 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นชนิดที่เกิดการติดเชื้อในบริเวณอวัยวะเพศของหญิงและชาย
              ปัจจุบันพบว่า การติดเชื้อ HPV จะพบบ่อยที่สุดในผู้หญิงวัยเยาว์ที่มีอายุระหว่าง 18 – 28 ปี หรือผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำให้เรามักจะพบว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่จะมีอายุในช่วง 35 – 50 ปี สืบเนื่องจากระยะเวลาของการติดเชื้อจนกระทั่งป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งใช้เวลานานนับ 10 ปี


สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
             เชื้อ HPV ชนิดที่เป็นสายพันธุ์อันตรายและทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ได้แก่ HPV16 และ 18 นั้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกถึง 70% ซึ่งโอกาสที่จะได้รับเชื้อ HPV เหล่านั้นส่วนมากจะผ่านทางสัมพันธ์รักกับคู่ของคุณ โดยในบางคนที่ร้างไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชพีวีเหล่านั้นออกไปได้ ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาจนส่งผลให้เป็นมะเร็งปากมดลูกรวมทั้งอาจทำให้เกิดมะเร็งช่องคลอดและมะเร็งปากช่องคลอดได้อีกด้วย

             สำหรับผู้ชายถ้าหากมีการติดเชื้อเอชพีวีก็จะกลายเป็นพาหนะนำเชื้อไวรัสนี้ไปสู่บุคคลที่รักได้โดยไม่รู้ตัว นอกจากผู้ชายที่ได้รับเชื้อเอชพีวีดังกล่าว ก็อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งทวารหนัก และมะเร็งที่อวัยวะเพศชายได้เช่นกัน

            นอกจากเชื้อ HPV 
ชนิดที่อันตรายและมีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกแล้วยังมีเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงน้อย แต่ก็อาจนำมาซึ่งโรคติดต่อบางชนิดได้ เช่น โรคหูดอวัยวะเพศ (หรือที่เรียกอีกชื่อว่า โรคหูดอหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ) เกิดจากการได้รับเชื้อ HPV 6 และ 11 ทีเป็นสาเหตุหลัก 90% ของโรคนี้ ลักษณะของโรถหูดอวัยวะเพศคือ จะมีตุ่มไตแข็ง หรือติ่งเนื้องอกออกมาบริเวณอวัยวะเพศ โรคนี้ถึงแม้ว่าจะรักษาได้แต่ก็มักจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ ๆ อีก จึงส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย และทำให้รู้สึกเป็นกังวลกับการที่ต้องรักษาอยู่เรื่อย ๆ


วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
          ความสำเร็จจากการค้นพบสาเหตุและวิทยาการของการแพทย์สมัยใหม่ ได้นำมาสู่การพัฒนาเป็นวัคซีนชนิด 4สายพันธุ์ (6,11,16,18) ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70% ในส่วนที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์สำคัญ โดยองค์การอาหาร และยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US. FDA) ได้ให้การรับรองว่าวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักเหล่านั้นได้ 100% ถ้าหากได้รับวัคซีนก่อนที่จะมีการติดเชื้อ นอกจากนี้ วัคซีนดังกล่าวยังสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีชนิดที่ไม่มีผลต่อการเกิดมะเร็ง แต่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศได้อีกด้วย
           ด้วยประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอดมะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งโรคหูดอวัยวะเพศ ทำให้วัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 4สายพันธุ์ (6,11,16,18) นี้ ได้รับการยอมรับและผ่านการอนุมัติการใช้แล้วในประเทศไทยและกว่า 70ประเทศทั่วโลกนอกจากนี้ในประเทศชั้นนำอย่างออสเตรเลียและบางรัฐของสหรัฐอเมริกา ยังได้ประกาศให้วัคซีนนี้เป็นภาคบังคับ สำหรับเด็กหญิงและผู้หญิงในช่วงอายุ 9 - 26 ปีอย่างไรก็ดีในขณะการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องและได้ขยายผลครอบคลุมสู่กลุ่มผู้หญิงในช่วงอายุ 27 - 45 ปีแล้ว
        อย่างไรก็ตามถึงแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้วการตรวจแป๊บสเมียร์ PAP SMEAR อย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องที่สูตินรีแพทย์ยังคงแนะนำให้ปฏิบัติอยู่เพราะการป้องจากวัคซีนดังกล่าวสามารถครอบคลุมเฉพาะในส่วนของเชื้อเอชพีวีเฉพาะสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุหลัก 70% ของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในขณะที่เราอาจจะยังมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีในสายพันธุ์อื่นๆอีก 30% ที่อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน


ข้อแนะนำการป้องกันเพื่อให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งปากมดลูก
  1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
    จากพฤติกรรมของการเกิดเพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน
  2. ควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า "แป๊ป สเมียร์" (Pap smear)
    ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยควรที่จะได้รับการตรวจเป็นประจำทุกๆปีเพื่อให้เราทราบว่าเซลล์บริเวณปากมดลูก
    มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือไม่

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ต้องฉีดกี่เข็มและจะป้องกันได้นานเท่าไหร่?
คุณจะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมด 3เข็มภายในระยะเวลา 6เดือนโดยฉีดเข็มแรกแล้วจึงฉีดเข็มถัดมาในเดือน 2 จากนั้นจึงฉีดเข็มสุดท้ายนี่เดือนที่ 6
จากข้อมูลการศึกษาได้ยืนยันว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะอยู่ได้อย่างน้อยประมาณ 5 ปีทั้งนี้ปัจจุบันการศึกษาระยะเวลาของการป้องกัน
ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อดูว่าภูมิคุ้มกันอาจจะสามารถอยู่ได้ถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2201-2202
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn