พัฒนาการของลูกน้อย เช็คได้จากการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

การตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นวิธีที่ทำให้คุณแม่ได้เห็นหน้าลูกน้อยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยังไม่คลอด ทั้งยังเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และยังมีประโยชน์ต่อการดูแลครรภ์คุณแม่ แต่คุณพ่อและคุณแม่หลายๆ คนอาจยังไม่ทราบและคิดว่าการอัลตร้าซาวด์สามารถใช้งานได้เพียง 2 มิติ และ 3 มิติเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัลตร้าซาวด์สามารถใช้งานได้มากถึง 4 มิติ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนคงสงสัยว่า แล้วอัลตร้าซาวด์ 4 มิติมีข้อแตกต่างอย่างไร? และมีข้อดีอะไรบ้าง? วันนี้ทางโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติกัน

 

รู้จักกับ “อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ”

การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D) คือ นวัตกรรมการถ่ายภาพทารกในครรภ์โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตกกระทบที่ตัวเด็ก ทำให้เกิดเป็นคลื่นความถี่เสียงสะท้อนส่งกลับมาที่ตัวรับ จากนั้นจะนำภาพเหล่านี้ที่ได้มาเรียงต่อกันให้เป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริงของทารกในครรภ์ในขณะนั้นแบบ Real Time

 

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ แตกต่างจากอัลตร้าซาวด์แบบอื่นอย่างไร?

การอัลตร้าซาวด์ 2 มิติ ถือเป็นเครื่องมืออัลตร้าซาวด์ที่หลายๆ คนรู้จักกันดีหรือเคยเห็นมาบ่อยๆ เพราะเป็นการตรวจขั้นพื้นฐานที่คุณแม่หลายคนคงเคยได้รับการตรวจมาบ้างแล้ว ซึ่งภาพที่ได้จากการอัลตร้าซาวด์ 2 มิติจะเป็นภาพตัดขวางทีละภาพ ตามแนวคลื่นเสียงในแนวระนาบ โดยจะแยกออกได้เป็น 2 มิติ คือ ความยาว และความกว้าง ภาพที่ได้จะเป็นเงาสีขาว-ดำ ไม่เห็นความลึก-ตื้น และมองไม่เห็นใบหน้าของทารก

 

อัลตร้าซาวด์ 3 มิติ จะมีความซับซ้อนมากกว่า 2 มิติขึ้นไปอีกระดับ คือมี ความกว้าง ความยาว และความลึกเพิ่มเข้ามา ภาพที่ได้จะเห็นเป็นภาพอวัยวะภายนอกของทารก และเห็นใบหน้าของลูกน้อยไม่ชัดเจน แต่พอจะอนุมานได้ว่าลูกที่คลอดออกมาจะหน้าตาเป็นอย่างไร

 

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ คือการอัลตร้าซาวด์ที่ซับซ้อนและละเอียดมากที่สุดเท่าที่มีในขณะนี้ ซึ่งจะเพิ่มมิติที่ 4 เข้าไป คือ “เวลา” เป็นการนำภาพถ่ายแต่ละรูปมาประมวลผล จัดเรียงลำดับรูปใหม่ตามช่วงเวลาจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริง และเห็นรายละเอียดของลูกน้อยคมชัดกว่าแบบ 3 มิติ

 

ขั้นตอนการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

1. แพทย์จะใช้หัวตรวจอุปกรณ์ที่เรียกว่า ทรานสดิวเซอร์ (transducer) วางแนบบริเวณหน้าท้องของคุณแม่
2. หัวตรวจทรานสดิวเซอร์จะส่งคลื่นความถี่เสียงผ่านหน้าท้องไปยังมดลูกและตัวเด็กทารก
3. เมื่อคลื่นเสียงตกกระทบตัวเด็กจะสร้างเสียงสะท้อนกลับมาที่ทรานสดิวเซอร์
4. คอมพิวเตอร์ได้รับข้อมูลสัญญาณจากทรานสดิวเซอร์จะทำการประมวลสัญญาณที่สะท้อนกลับออกมาเป็นภาพ

โดยทั่วไปแล้ว การตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติมักใช้เวลาในการตรวจอยู่ที่ 30 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วแต่กรณี

 

ควรตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติช่วงไหน หรืออายุครรภ์เท่าไหร่?

การตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ สามารถทำได้ในทุกช่วงอายุครรภ์ แต่ส่วนมากแล้วแนะนำให้ตรวจอัลตร้าซาวด์ในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 24 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะจะทำให้เห็นหน้าลูกได้ชัดเจนที่สุด แต่ทั้งนี้คุณแม่ที่มีอายุครรภ์อยู่ในช่วงสัปดาห์อื่นก็สามารถเข้ารับการตรวจได้เช่นกัน แต่ภาพที่ได้จะแตกต่างกันตามอายุครรภ์ที่ตรวจ โดยหากอายุครรภ์น้อยๆ สามารถเห็นภาพของทารกในครรภ์ได้ทั่วร่างกาย แต่หากอายุครรภ์มากกว่า 35 สัปดาห์ขึ้นไป อาจจะเห็นใบหน้าของทารกได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากทารกเริ่มกลับหัวเตรียมเข้าสู่อุ้งเชิงกราน เพราะเป็นช่วงเวลาใกล้คลอดแล้วนั่นเอง

ทั้งนี้ หากคุณแม่ต้องการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะแพทย์ผู้ดูแลครรภ์จะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

 

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ มีข้อดีอย่างไร?

• สามารถมองเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของทารกในครรภ์ได้อย่างชัดเจน เช่น การยิ้ม การหาว หรือดูดนิ้ว เป็นต้น
• สามารถมองเห็นอวัยวะภายนอกของทารกในครรภ์เพื่อตรวจหาจุดผิดปกติของทารกได้ชัดเจนกว่าแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เช่น ใบหน้า แขน ขา หรือนิ้วมือ เป็นต้น
• ตรวจหาความผิดปกติของทารกได้แม่นยำ เนื่องจากสามารถดูความสมบูรณ์ การเจริญเติบโต และพัฒนาการของทารกได้ในทุกครั้งที่ทำการตรวจ โดยจะจัดเก็บเป็นไฟล์ภาพไว้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถดึงขึ้นมาเปรียบเทียบลักษณะของลูกน้อยเมื่อไหร่ก็ได้

 

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ อันตรายต่อครรภ์หรือไม่?

การตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ เป็นเพียงการใช้คลื่นความถี่สูงในการตรวจเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับการตรวจอัลตร้าซาวด์ทั่วไป จึงไม่มีอันตรายหรือผลกระทบใดๆ ต่อทารกในครรภ์และคุณแม่  และสามารถทำการตรวจได้หลายครั้งโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียง

 

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการมีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์สำหรับคุณแม่ทุกท่านในการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ โดยไร้ความกังวล