-
ข้อปฏิบัติหลังคลอด ที่คุณแม่ควรรู้
ความเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ทั้งทางร่างกายและจิตใจไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในระหว่างอุ้มท้องเท่านั้น แต่รวมถึงหลังคลอดบุตรแล้วด้วย วันนี้โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ จึงอยากมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อปฏิบัติตนหลังคลอดที่คุณแม่ควรรู้ เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจกลับมาแข็งแรง ฟื้นฟูสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งข้อปฏิบัติหลังคลอดที่คุณแม่ควรใส่ใจดูแล มีดังนี้
การดูแลสภาพร่างกาย
พักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากคุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่มักพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ต้องปรับตัวกับการดูแลลูกน้อยหลังคลอดแทบตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้สภาพร่างกายฟื้นฟูได้ช้า ดังนั้นคุณแม่จึงควรแบ่งเวลาให้กับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยหาผู้ที่ไว้วางใจได้มาช่วยดูแลลูกน้อยขณะพักผ่อน
ควบคุมอาหารและทานอาหารที่มีประโยชน์
ไม่ใช่แค่ระหว่างตั้งครรภ์เท่านั้นที่คุณแม่ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อลูกน้อย แต่รวมถึงช่วงหลังคลอดแล้วด้วย เนื่องจากร่างกายที่ผ่านการคลอดบุตรมานั้นต้องใช้สารอาหารในการฟื้นฟู และกระตุ้นน้ำนมให้มีเพียงพอสำหรับลูกน้อย คุณแม่จึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย งดทานอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ ของหมักดอง อาหารประเภทแป้งหรือไขมัน และควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายและผิวพรรณของคุณแม่หลังคลอดกลับมาชุ่มชื้นดูสุขภาพดี
ออกกำลังกายเบาๆ
การออกกำลังกายเบาๆ วันละนิดละหน่อยทุกวัน เช่น การเดินสายพาน การว่ายน้ำ หรือเล่นโยคะสำหรับคุณแม่หลังคลอด เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สภาพร่างกายของคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกกลับมามีรูปร่างที่เหมือนเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น สำหรับคุณแม่ที่เคยออกกำลังกายหนักในยิม ยกของหนัก หรือใช้แรงมากๆ ในช่วงนี้ควรเลี่ยงไปก่อน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อมดลูกหรือแผลหลังคลอด
ทำความสะอาดเต้านมอยู่เสมอ
ในช่วงเวลาหลังคลอด เต้านมของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่และคัดตึงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากต่อมน้ำนมเริ่มผลิตน้ำนมขึ้นมามาก และความสะอาดบริเวณเต้านมเป็นสิ่งสำคัญต่อลูกน้อย คุณแม่จึงควรหมั่นทำความสะอาดเต้านมให้ปราศจากสิ่งสกปรกด้วยการใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกทำความสะอาดทุกครั้งทั้งก่อนหลังให้นมบุตรที่บริเวณหัวนมและลานนม และงดฟอกสบู่บริเวณหัวนมและลานนม เพื่อให้น้ำมันธรรมชาติจากร่างกายยังคงอยู่ เพราะน้ำมันธรรมชาติสามารถช่วยลดความเจ็บขณะลูกน้อยดูดนมได้
การดูแลแผล
การดูแลทำความสะอาดแผลหลังคลอดของคุณแม่ เป็นสิ่งที่ควรเอาใจใส่เป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ ทั้งยังทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น โดยแผลไม่ว่าจะเป็นแผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัด ไม่ควรทำให้แผลเปียกนานๆ ถ้าเปียกควรทำการซับให้แห้งโดยทันที หากเป็นแผลผ่าตัดแล้วมีน้ำซึมเข้าไปบริเวณแผลก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรไปทำการเปิดและล้างแผลที่คลินิกหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านให้เร็วที่สุด
ตรวจสุขภาพเพื่อหาสิ่งผิดปกติ
นอกจากจะตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีแล้ว หลังคลอดบุตรคุณแม่ควรตรวจสภาพของแผลหลังคลอด ทั้งแผลฝีเย็บ แผลผ่าตัดคลอด หรือแผลทำหมัน และตรวจอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรา เพื่อหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก หรือหากพบความผิดปกติ เช่น ปวดบริเวณแผล มีน้ำหรือหนองออกมาจากแผล ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอย่างทันท่วงที
การดูแลสภาพจิตใจ
โดยทั่วไปแล้วสภาพจิตใจของคุณแม่หลังคลอดมักพบกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้คุณแม่หลังคลอดจะมีอารมณ์แปรปรวน หรือวิตกกังวลได้ง่าย หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดก็จะยิ่งส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้น การบรรเทาอาการเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยการหากิจกรรมที่คุณแม่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย หรือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และอีกปัจจัยสำคัญที่สามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้คือ สามีที่ต้องเข้าใจและอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจคุณแม่หลังคลอด เท่านี้ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดก็จะค่อยๆ หายไปในที่สุด
นอกจากการดูแลสภาพร่างกายและสภาพจิตใจแล้ว การวางแผนครอบครัวก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับคุณแม่หลังคลอด เนื่องจากการทำความเข้าใจกันกับสามีและคนในครอบครัวจะมีส่วนช่วยให้สภาพจิตใจของคุณแม่หลังคลอดฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นหากมีการปรึกษากันและวางแผนครอบครัวได้ดี ก็จะช่วยลดภาวะของการเกิดปัญหาในครอบครัวได้มาก
บทความโดย
แพทย์หญิงศิริพร ประยูรหงษ์
แพทย์ประจำสาขาสูตินรีเวชทั่วไป