-
ต่อมทอนซิลอักเสบ...ภัยเรื้อรังที่มากกว่าอาการเจ็บคอ
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
26-มิ.ย.-2567

ต่อมทอนซิลอักเสบ...ภัยเรื้อรังที่มากกว่าอาการเจ็บคอ

อาการเจ็บคอที่หลายคนคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาและปล่อยไว้จนเรื้อรังไม่หายซักที นั่นอาจไม่ใช่เพียงไข้หวัดธรรมดา แต่เป็นการอักเสบจากต่อมชนิดหนึ่งในร่างกายที่มีชื่อว่า “ต่อมทอนซิล” ซึ่งมีหน้าที่คอยช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากและจมูก หากต่อมทอนซิลเกิดการอักเสบมักส่งผลรบกวนต่อชีวิตประจำวันได้

 

ทำความรู้จัก “ต่อมทอนซิล”

ต่อมทอนซิล (Tonsils) เป็นเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอที่ภายในต่อมจะมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดอยู่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนระบบภูมิคุ้มกันที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อผ่านการดักจับและกรองเชื้อโรค เพื่อไม่ให้เชื้อโรคที่ผ่านเข้ามาทางปากและจมูกลุกลามเข้าสู่ร่างกาย

 


ต่อมทอนซิลอักเสบ...อาจมีต้นเหตุจากแบคทีเรีย

ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือ Tonsillitis คือ ภาวะที่ต่อมทอนซิลเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย โดยแต่เดิมหน้าที่ของต่อมทอนซิลจะเป็นการดักจับและกำจัดเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร แต่หากเกิดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเข้า ประสิทธิภาพในการคัดกรองเชื้อโรคก็จะลดลง ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อไวรัสและแบคทีเรียจนทำให้ต่อมทอนซิลเกิดอาการบวมและอักเสบ

 

เมื่อเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ...สังเกตอาการได้ดังนี้

หากเกิดภาวะทอนซิลอักเสบ อาการที่จะแสดงเบื้องต้นอาจคล้ายกับโรคคออักเสบทั่วไป เช่น มีไข้สูง ไอ มีเสมหะ ปวดหัว แต่จะมีอาการจำเพาะบางอาการที่สามารถระบุได้ว่าเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ เช่น

  • เจ็บคอมาก บริเวณด้านข้างของช่องปาก
  • ต่อมทอนซิลบวมแดง และมีจุดขาวหรือหนองบนทอนซิล
  • กลืนอาหารลำบาก
  • ปวดหูหรือคอ
  • มีกลิ่นปาก

 


หากปล่อยไว้อาจอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

              ในผู้ป่วยที่เป็นต่อมทอนซิลอักเสบบางราย หากเกิดอาการรุนแรง อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันของระบบทางเดินหายใจ และหากปล่อยไว้นานเข้าหรืออักเสบบ่อยๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ขนาดของต่อมทอนซิลจะโตขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาในที่สุด เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือฝีรอบทอนซิล

 

ต่อมทอนซิลอักเสบ...รักษาได้ด้วยวิธีเหล่านี้

การรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง ไม่มีไข้ หรือเจ็บคอเล็กน้อย โดยปกติจะหายได้เอง ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการทานยา แต่จะเน้นการดูแลตัวเองเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและกำจัดโรคไปได้เอง เช่น พักผ่อนให้มากขึ้น รับประทานอาหารให้เพียงพอและถูกหลักโภชนาการ และออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น หากอาการไม่รุนแรงมาก ร่างกายจะกลับดีขึ้นภายใน 2 - 3 วัน

แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง เจ็บคอมาก รู้สึกกลืนลำบาก ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หรือแพทย์วินิจฉัยว่าต่อมทอนซิลมีอาการบวมแดงหรือมีหนองบนทอนซิล แพทย์จะใช้วิธีรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการ ซึ่งอาการมักจะดีขึ้นใน 3 - 7 วัน

นอกจากนี้ หากการรักษาด้วยการใช้ยาแล้วอาการอักเสบยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้รักษาโดยการผ่าตัดทอนซิลออก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาหากผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ว่าควรผ่าตัด

 


ป้องกันตัวเองก่อนเป็นทอนซิลอักเสบ

แม้จะบอกว่าป้องกัน แต่การเกิดต่อมทอนซิลอักเสบก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่เราสามารถลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคได้ โดยปฏิบัติตามดังนี้

  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการหรือสุ่มเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดหรือเจ็บคอ
  • ไม่ใช้ช้อนส้อม แก้วน้ำ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดฟันร่วมกับผู้อื่น
  • ดูแลสุขอนามัยช่องปาก เช่น เปลี่ยนแปลงสีฟันทุกๆ 3 เดือน หรือทุกครั้งที่ป่วย
  • ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสูดดมควันบุหรี่

 

จะเห็นได้ว่าการดูแลตัวเองให้แข็งแรงนั้นมีส่วนสำคัญที่สามารถช่วยป้องกันภัยสุขภาพต่างๆ และยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวม และลดความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ นอกจากทอนซิลอักเสบได้อีกด้วย แต่หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่คล้ายกับภาวะต่อมทอนซิลอักเสบ ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม

 

บทความโดย
นายแพทย์พิทยา กนกจรรยา
แพทย์ประจำสาขาโสต ศอ นาสิก
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนกหู ตา คอ จมูก
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ 
โทร.02-363-2000 ต่อ 2540-2541
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn