ภาวะเหงื่อออกมากบริเวณฝ่ามือ(Hyperhidrosis)
เหงื่อออก (Sweating) เป็นกลไกของร่างกายในการลดความร้อนโดยออกมาในรูปของเหงื่อที่นำพาความร้อนออกจากร่างกาย ผ่านทางต่อมเหงื่อเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เช่น หลังการออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง อย่างไรก็ตามเหงื่อที่ออกเฉพาะที่ฝ่ามือ เกิดเมื่อเวลาเราตื่นเต้นตกใจได้
อาการดังต่อไปนี้ซึ่งถือเป็นความผิดปกติจำเป็นต้องได้รับการรักษา ได้แก่
1.เหงื่อออกมากมีการส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
2.ส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดความเครียดเวลาเข้าสังคมหรือทำงาน
3.เกิดภาวะเหงือออกมากผิดปกติ จนเห็นได้ชัดแตกต่างจากเมื่อก่อน
4.มีเหงื่อออกโดยเฉพาะตอนกลางคืน โดยไม่ทราบสาเหตุ
การรักษานั้นขึ้นกับสาเหตุโรค โดยจะแบ่งเป็นประเภทต่างๆดังนี้
1. Primary hyperhidrosis : ภาวะเหงื่อออกมากจากการที่เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อถูกกระตุ้นมากเกินไป มักจะเกิดบริเวณผ่ามือ ผ่าเท้า รักแร้ และใบหน้า โดยไม่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวอื่น
2. Secondary hyperhidrosis: ภาวะเหงื่ออกที่มีสาเหตุจากโรคอื่นๆที่เป็นอยู่หรือโรคประจำตัวได้แก่
2.1 โรคไทรอยด์เป็นพิษ หรือมีการทำงานมากผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีภาวะเมตาบอลิซึมสูงกว่าปกติ จะมีอาการใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด ท้องเสีย ขี้ร้อน เหงื่อออกฝ่ามือสองข้างได้ง่าย บางรายคลำพบก้อนไทรอยด์ที่โตได้
2.2 ภาวะวัยทอง (Menopause )มีอาการร้อนวูบวาบ บริเวณใบหน้าคออก หนาวสั่น ใจสั่น เหงื่อออก ผิวหนังแห้ง ช่องคลอดแห้ง มีอาการทางจิตใจเช่นหงุดหงิดง่าย วิตกกังวลง่าย ซึมเศร้า
2.3 ผู้ป่วยเบาหวาน
2.4 ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางชนิด
2.5 ผู้ป่วยที่มีโรคความผิดปกติของระบบประสาท
ภาพการทดสอบเหงื่อมือ sweat test
โดยใช้แป้ง iodine หาตำแหน่งเหงื่ออกมือ
สำหรับการรักษาแพทย์จะหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุนั้นๆ โดยการรักษามีตั้งแต่ยาสเปรย์ลดเหงื่อ ยาทาลดเหงื่อบริเวณใบหน้า ยากินลดการกระตุ้นการหลั่งเหงื่อ (แต่อาจเกิดภาวะข้างเคียงจากยาได้แก่ ปากแห้ง ตามัว และปัสสาวะคั่งได้) ยาต้านซึมเศร้า การฉีดBotox ลดการกระตุ้นเส้นประสาทที่ทำให้เกิดเหงื่อออกซึ่งต้องฉีดหลายๆครั้งทุก 6 เดือน ผลข้างเคียงอาจเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณที่ฉีดได้
ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 40 นาที-60 นาที
ระยะเวลานอนโรงพยาบาล 2 วัน 1 คืน (วันผ่าตัดและวันหลังผ่าตัด)
หลังผ่าตัดแผลมีขนาดเล็กใกล้กับบริเวณรักแร้สองแผลขนาดแผลประมาณ 0.5-1ซม