การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทางเลือกเพื่อลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วน
ในยุคปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การออกกำลังกายน้อยลงและการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งสูง ทำให้เกิดภาวะอ้วนมากขึ้น และหลายคนพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีต่างๆ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการรักษาโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพที่ตามมา
ทำไมโรคอ้วนถึงอันตราย
โรคอ้วนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2
- โรคความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจตีบ- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ- ภาวะมีบุตรยาก- โรคมะเร็งบางชนิด
หากปล่อยให้โรคอ้วนดำเนินต่อไปโดยไม่มีการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง
การผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) คืออะไร
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นวิธีการรักษาโรคอ้วนสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดขนาดของกระเพาะอาหารให้เล็กลง หรือลดการดูดซึมอาหาร เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความอยากอาหาร และกินอาหารได้ในปริมาณที่น้อยลง
การผ่าตัดนี้ยังช่วยลดฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็น "ฮอร์โมนความหิว" ที่กระตุ้นความอยากอาหาร เมื่อฮอร์โมนนี้ลดลงก็จะช่วยลดความอยากอาหารตามไปด้วย
รูปแบบการผ่าตัดลดน้ำหนักด้วยวิธีส่องกล้อง
ปัจจุบันการผ่าตัดกระเพาะอาหารมักใช้นวัตกรรมผ่าตัดส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery หรือ MIS) ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การผ่าตัดด้วยวิธีนี้แบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ ได้แก่
- ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Sleeve Gastrectomy): เป็นการตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออกเพื่อให้ขนาดความจุเล็กลง ผู้ป่วยจึงรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและกินอาหารได้น้อยลง
- ผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร (Gastric Bypass): เป็นการปรับขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลงและต่อเข้ากับลำไส้เล็กส่วนปลาย เพื่อลดทั้งปริมาณการกินและการดูดซึมอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยปรับฮอร์โมนความหิวและความอิ่ม ทำให้รู้สึกอิ่มไวขึ้นและช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว
ใครบ้างที่เหมาะกับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ผู้ที่ควรพิจารณาการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป- ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วแต่ไม่สำเร็จ
- ผู้ที่ไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น ไม่เป็นโรคทางจิตเวช โรคมะเร็ง หรือภาวะติดสุราหรือสารเสพติด
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 32.5 ขึ้นไป
เกณฑ์ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ที่จำเป็นต้องผ่าตัด
การคำนวณค่า BMI (น้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง) เป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาการผ่าตัด
- ค่า BMI 37.5 ขึ้นไป โดยที่ไม่มีโรคร่วม
- ค่า BMI 32.5 ขึ้นไป โดยมีโรคร่วมจากความอ้วน เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
การผ่าตัดกระเพาะอาหารมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้
- สุขภาพดีขึ้น: ช่วยให้หายจากโรคประจำตัวหรือลดความรุนแรงของโรคที่เกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
- รูปร่างและความมั่นใจ: น้ำหนักลดลงและไม่กลับมาอ้วนง่าย ทำให้มีรูปร่างที่ดีขึ้นและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- ใช้ชีวิตคล่องตัวขึ้น: สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว
- แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว: การผ่าตัดส่องกล้องช่วยให้แผลเล็ก เจ็บน้อย ลดโอกาสติดเชื้อ และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเป็นเพียงเครื่องมือช่วยลดน้ำหนักเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาวคือวินัยและการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ศูนย์ศัลยกรรม อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร. 02-5144141 ต่อ 1101-1100
.jpg)