เกริ่นชื่อโรคขึ้นมาแบบนี้บอกเลยว่าไม่ได้เกี่ยวกับความขี้เกียจของเด็กเลยนะ เพราะนี่คือโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็นของเด็กซึ่งไม่ได้น่ากลัว และมีโอกาสเป็นได้ใน 2% ของจำนวนประชากรเท่านั้น แต่ถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาที่ทันท่วงทีก็อาจทำให้ตาของเจ้าตัวน้อยมัวแบบถาวรได้เลยล่ะ
ทำความรู้จัก…โรคนี้กันก่อน
โดยปกติแล้วระบบการมองเห็นของคนเราจะไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว แต่จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านตัวลูกตา ส่วนประกอบของลูกตา และระบบประสาท ที่ถ่ายทอดไปแปลผลที่สมองว่าเรามองเห็นนะ ซึ่งการพัฒนานี้จะเริ่มตั้งแต่ในท้องแม่ แรกเกิด ไปจนถึงอายุประมาณ 6 ขวบ และระบบการมองเห็นนี้จำเป็นที่สุดที่จะต้องได้รับการกระตุ้นด้วยการมองเห็นในตาทั้ง 2 ข้าง แต่ถ้ามีเหตุอะไรที่ทำให้ตาทั้งสองข้างไม่ได้ใช้มอง หรือใช้ตาข้างใดข้างหนึ่งมองน้อยกว่าอีกข้างในช่วงแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ ก็จะทำให้ตาข้างที่ใช้งานน้อยกว่าเจริญไม่เต็มที่ และมัวกว่าอีกข้างไปตลอดชีวิตได้เหมือนกัน
“สาเหตุ” ที่ทำให้เกิดโรค
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ก็จะเเบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1.เกิดจากความบกพร่องของอวัยวะรับภาพ และแปลผลภาพ ซึ่งถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ก็อาจจะทำได้แค่วินิจฉัย แต่ทำการรักษาได้น้อยมาก หรือบางคนอาจไม่ได้เลย
2.เกิดจากการบดบังภาพที่เข้าสู่จอประสาทตา กลุ่มนี้พอรักษาได้ และพบได้บ่อยกว่าสาเหตุแรก อย่างเป็นโรคตาเข, ตาเหล่ หรือสายตาสั้น – ยาว – เอียงแบบแตกต่างกันมากๆ เช่น ข้างนึงสั้น 100 แต่อีกข้างสั้นถึง 600 ก็เลยทำให้ตาข้างที่สั้นมากๆ ไม่ค่อยได้ใช้งาน ทำให้เจริญไม่เต็มที่ และมัวในที่สุด

การสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ คือวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้ตรวจเจอ และทำการรักษาได้ทันที ซึ่งคุณแม่จะต้องคอยสังเกตว่าเด็กมีอาการดังต่อไปนี้หรือเปล่า
เวลาเล่นของเล่นก็จะเลือกหยิบแต่ชิ้นที่อยู่ใกล้มากๆ
ดูตาเหล่ๆ ตลอดเวลา หรือดูเหล่ๆ เป็นบางครั้ง
จำหน้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้
ชอบเดินชนโต๊ะ ชนประตู หรือชนนู่นนี่บ่อยจนเกินไป
ตาดำดูผิดปกติ มีขนาดไม่เท่ากัน
ถ้ามีอาการเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องรีบพาเด็กไปพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัย และรักษาได้ทันก่อนที่สายตาของเด็กจะต้องมัวไปตลอดชีวิต
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
กุมารเเพทย์ ศูนย์กุมารเวช อาคาร 3 ชั้น 2
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร.02-514-4141 ต่อ 3320-3221
Line id : @Paolochokchai4
.jpg)