หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อ “ไวรัสโรต้า” กันมาบ้างแล้ว แต่รู้ไหมว่า ไวรัสตัวนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยมากกว่าหนึ่งแสนคนต่อปี ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย และในปัจจุบันมีการสนับสนุนให้เด็ก “ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า” มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นวัคซีนทางเลือกที่ให้ทางแพทย์และพยาบาลแนะนำให้ผู้ปกครองเพียงเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงให้เด็กห่างไกลจาก “เชื้อไวรัสโรต้า” ก็ไม่ได้ยากเช่นกัน หากเรารู้จักเชื้อไวรัสนี้อย่างดีพอ
ไวรัสโรต้าคืออะไร
ไวรัสโรต้าเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เมื่อได้รับเชื้อนี้เข้าไปในร่างกายแล้วจะทำให้เกิด “อาการท้องร่วง” อย่างรุนแรง มักจะพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งไวรัสชนิดนี้สามารถระบาดได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากทนต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก แต่พบได้บ่อยสุดในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ไวรัสสามารถเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้เชื้อไวรัสโรต้านี้เป็นเชื้อโรคติดต่อที่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัส เช่น การกิน ดูดหรืออมนิ้ว เป็นต้น ไวรัสจะไปทำให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้เล็ก และทำลายเยื่อบุผนังลำไส้ทำให้มีการอักเสบในลำไส้ และมีอาการอุจจาระร่วงอย่างรุนแรง
สังเกตุอาการ… ติดเชื้อไวรัสโรต้าได้ยังไง
หลังจากได้รับเชื้อไวรัสโรต้าเข้าไปแล้วประมาน 2-3 วัน จะเริ่มมีอาการอาเจียนและท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ และมีไข้ หลังจากนั้นจะมีอาการท้องเดินหรือท้องร่วงอย่างรุนแรงอยู่บ่อยครั้งประมาน 4 – 8 วัน ซึ่งหากปล่อยให้มีอาการท้องร่วงบ่อย ๆ จะทำให้ขาดสารอาหารและขาดน้ำ และอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับเด็กที่ได้รับเชื้อไวรัสโรต้านี้ก็คือ ผลข้างเคียงที่ทำให้เด็กที่กำลังเจริญเติบโตเพราะเชื้อไวรัสเข้าไปทำให้การดูดซึมอาหารในลำไส้มีประสิทธิภาพน้อยลง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวของลำไส้

ไวรัสโรต้า… รักษาได้ตามอาการ
โดยปกติแล้วโรคที่ติดจากเชื้อไวรัสจะไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ทำได้เพียงแต่รักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งการรักษาหลัก ๆ ที่สำคัญเพียงแค่ให้น้ำเกลือ เกลือแร่และทานน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากร่างกายเสียน้ำจากการถ่ายอุจจาระไปมากแต่หากเด็กมีไข้ อาจให้ยาลดไข้ร่วมด้วย และในระหว่างการรักษาควรให้เด็กรับประทานอาหารอ่อนเพื่อให้สามารถย่อยได้ง่าย ไม่ควรให้เด็กทานนมวัว เพราะการที่เด็กท้องเสียหลายวัน อาจะทำให้เด็กขาดเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยนมวัว จึงอาจจะหันมาให้เป็นนมถั่วเหลืองแทน
อย่าชะล่าใจ… ถ้าไม่ชัวร์ให้รีบไปหาหมอดีที่สุด
พ่อแม่ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ยอมพาลูกไปหาหมอ เพราะคิดว่าเด็กแค่ท้องเสียธรรมดาเท่านั้น แต่สิ่งที่จะทำให้เราสังเกตได้ว่าการท้องเสียนี้ไม่ธรรมดาแล้ว นั่นก็คือ เมื่อเด็กมีอาการซึม ปัสสาวะน้อย ตัวเย็นและมีไข้สูง มีอาการหอบเหนื่อย และชักร่วมด้วย หรือบางรายอาจมีอาการอาเจียน ถ้าลูกมีอาการเหล่านี้เราแนะนำว่าให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์โดยด่วนจะดีที่สุด
ความสะอาด… ป้องกันไวรัสโรต้าได้
เราทราบกันดีแล้วว่าไวรัสโรต้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เด็กสัมผัสและนำเข้าสู่ร่างกายด้วยการกิน อมหรือดูดนิ้ว และเด็กที่มักจะมีพฤติกรรมเช่นนี้คือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะป้องกันเด็กจากการติดเชื้อไวรัสนี้ก็คือ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อ ด้วยการล้างมือให้สะอาด หรือการรักษาความสะอาดของสิ่งของต่าง ๆ รวมถึงอาหารที่ต้องรับประทานในแต่ละวัน ถ้วย ชาม แก้วน้ำก็ต้องสะอาดเช่นกัน เพื่อลดโอกาสที่เด็กจะติดเชื้อนี้ได้ และเพื่อการป้องกันที่ดีที่สุดควรให้เด็กได้รับวัคซีนไวรัสโรต้าเพื่อให้เด็กมีภูมิคุ้มกันไวรัสโรต้า ซึ่งเด็กอาจจะสามารถติดเชื้อไวรัสโรต้าได้อีก แต่อาการก็จะไม่รุนแรงเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันแล้วนั่นเอง
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
กุมารเเพทย์ ศูนย์กุมารเวช
อาคาร 3 ชั้น 2 โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร.02-514-4141 ต่อ 3320-3221
Line id : @Paolochokchai4
.jpg)