ทำความรู้จักเชื้อไวรัส HIV เชื้อไวรัส HIV นั้นเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงโรคเอดส์ ที่เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV โดยเชื้อไวรัสตัวนี้เมื่อเข้าสุ่ร่างกายของเราแล้ว จะเข้าไปทำลายระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ โรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายเช่น วัณโรค ปวดอักเสบ รวมไปถึงความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งนั้นก็ง่ายกว่าคนอื่นอีกด้วย
ผู้ติดเชื้อ HIV ต่างจากผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างไร? ความแตกต่างของผู้ป่วย 2 ประเภทนี้อยู่ที่ระยะการลุกลามของเชื้อไวรัส HIV เพราะเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสแล้วนั้น เราจะเรียกว่า ผู้ติดเชื้อ HIV แต่จะยังไม่ใช่ผู้ป่วยโรคเอดส์ เพราะผู้ติดเชื้อ HIV นั้นจะยังมีภูมิคุ้มกันมากพอสมควร แต่จำเป็นต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงต่างๆ ที่รวมไปถึงการพักผ่อน โภชนาการที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับอย่างเพียงพอ แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้ติดเชื้อ HIV นั้นมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจนกลายเป็นภูมิกันคุ้มบกพร่องจนโรคต่างๆ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย การดูแลตัวเอง รวมไปถึงการรักษานั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เราถึงจะเรียกว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์
ความเสี่ยงใดบ้างที่ทำให้ติดเชื้อไวรัส HIV- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศระหว่างชายหญิง หรือเพสเดียวกันก็ตาม ก็มีโอกาสติดเชื้อ HIV ได้เท่ากันหมด โดยมีข้อมูลการระบาดวิทยาพบว่า เชื้อไวรัส HIV นั้นมีการส่งต่อกันโดยการมีเพศสัมพันธ์มากถึง 80%
- การใช้ของร่วมกันหรือสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโดยตรง อาทิ น้ำอสุจิ น้ำเหลือง น้ำในช่องคลอด ส่วนน้ำลาย เสมหะเหงื่อนั้นมีปริมาณเชื้อ HIV อยู่น้อยกว่าแต่ก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน สิ่งของที่มีความเสี่ยงและไม่ควรใช้ร่วมกัน อิท กรรไกรตัดเล็บ มีดโกนหนวด เป็นต้น
- การใช้เข็มร่วมกัน กิจกรรมนี้มักพบในผู้ที่ใช้สารเสพติดฉีดเข้าเส้นเลือด แล้วใช้เข็มร่วมกัน โดยผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV นั้นสามารถแพร่เชื้อได้ แม้ไม่แสดงอาการ
ระยะการติดเชื้อ HIV- ระยะเริ่มแรก เป็นระยะที่ยังไม่แสดงอาการชัดเจนนัก แต่สามารถแพร่เชื้อผู้อื่นได้ อาการที่พบในช่วงนี้บางรายมีอาการหนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว มีฝ้าขาวในช่องปาก ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นคล้ายไข้หวัด จะ เป็นๆ หายๆ อยู่ประมาณ 1-2อาทิตย์
- ระยะที่ 2 เริ่มมีตุ่มตามร่างกาย มีฝ้าขาวในช่องปาก อาการคล้ายโรคงูสวัด ในระยะนี้อาการจะแสดงอย่างชัดเจนแล้ว และอาการดังกล่าวก็จะเป็นๆ หายๆ ตามความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยส่วนมาก ผุ้ติดเชื้อในระยะที่ 2 นี้จะทรงตัวอยู่ประมาณ 5-10 ปี ก่อนที่ภูคิคุ้มกันจะลดลงต่ำลง
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง ทำให้มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ร่างกายจะอ่อนแอลง เพราะติดเชื้อได้ง่ายมาก มีไข้เรื้อรัง เหนื่อยง่าย น้ำหนักลง มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ไปจนถึงเกิดโรคมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ อาทิ มะเร้งทราวหนัก มะเร็งน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
การป้องกันเชื้อ HIV ในปัจจุบันนั้นยาต้านเชื้อไวรัส HIV แล้วก็ตาม โรคนี้นอกจากเป็นภัยต่อตัวเองแล้ว ยังมีผลต่อคู่ของเราที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ความเสี่ยงในการติดเชื้อจึงมีโอกาสสูงกว่าคนอื่น จึงไม่ควรละเลยที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและการหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อการวางแผนครอบครัวและป้องกันกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ปรึกษาปัญหาสุขภาพโรงพยาบาลเปาโล รังสิต โทร 0-2577-8111 ต่อ 2 หรือ 1772รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่Facebook : โรงพยาบาลเปาโล รังสิต