วัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กแรกเกิด- 12 ปีที่พ่อแม่ต้องรู้

วัคซีนพื้นฐาน สำหรับเด็กแรกเกิด-12 ปี ภูมิคุ้มกัน ที่พ่อแม่ต้องรู้
ร่างกาย ในวัย แรกเกิด นั้นอ่อนแอ เสี่ยง กับ การติดเชื้อโรค ได้ง่าย และสภาพแวดล้อมที่ เชื้อโรค หลาย ๆ ชนิด สามารถติดต่อสู่ เด็กเล็ก ๆ ได้ง่าย การฉีดวัคซีน ของ เด็ก วัยแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 12 ปี นับว่าเป็นสิ่งที่ พ่อแม่ ไม่ควรละเลย

การเสริมภูมิคุ้มกันโรค ของ เด็ก เพื่อ ป้องกันโรคร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่ง วัคซีน ในแต่ละชนิดนั้นสร้างมาจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านกรรมวิธีทางการแพทย์ จนไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้แล้ว ซึ่ง วัคซีน เหล่านี้จะเข้าไป กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ขึ้นมา ป้องกันโรคร้ายต่างๆ



กำหนดการฉีดวัคซีนของเด็กในวัยต่างๆ

การฉีดวัคซีน ของ เด็ก นั้น จะต้องให้รับ วัคซีน ตามแบบแผนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ โดยสำนักโรคติดต่อมีการสนับสนุนให้ ฉีดวัคซีนฟรี สำหรับ เด็ก ทุกคนในปี 2561 จำนวน 9 ชนิด ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้ถึง 11 โรค คือ:
  • วัคซีนวัณโรค หรือ วัคซีนบีซีจี (BCG)
  • วัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี
  • วัคซีนโรคคอตีบ
  • วัคซีนโรคไอกรน
  • วัคซีนโรคบาดทะยัก
  • วัคซีนโรคโปลิโอ ที่มีทั้งแบบชนิดรับประทานและชนิดฉีด
  • วัคซีนโรคหัด
  • วัคซีนโรคหัดเยอรมัน
  • วัคซีนโรคคางทูม
  • วัคซีนโรคไข้สมองอักเสบเจอี
  • วัคซีนโรคเอชพีวี
ต้องฉีดวัคซีนอะไรในแต่ละช่วงเดือน

อายุ 

วัคซีนหลัก 

วัคซีนเสริม 

แรกเกิด 

วัคซีนป้องกันวัณโรค บีซีจี (BCG), วัคซีนป้องกันตับอักเสบ บี เข็มที่ 1 (HBV 1) 

 

1 เดือน 

วัคซีนป้องกันตับอักเสบ บี เข็มที่ 2 (HBV 2) 

 

2 เดือน 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ เข็มที่ 1 (DTwP-HB1), วัคซีนโปลิโอ ชนิดกิน ครั้งที่ 1 (OPV 1 หรือ IPV 1) 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ เข็มที่ 1 (DTaP 1), วัคซีนโปลิโอ ชนิดฉีด เข็ม 1 (IPV 1), วัคซีนป้องกันเชื้อ Hib เข็ม 1, วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต เข็ม 1 (PCV 1), วัคซีนโรต้า เข็ม 1 (Rota 1) 

4 เดือน 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ เข็มที่ 2 (DTwP-HB2), วัคซีนโปลิโอ ชนิดกิน ครั้งที่ 2 (OPV 2) 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรนชนิดไร้เซลล์ เข็มที่ 2 (DTaP 2), วัคซีนโปลิโอ ชนิดฉีด เข็ม 2 (IPV 2), วัคซีนป้องกันเชื้อ Hib เข็ม 2, วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต เข็ม 2 (PCV 2), วัคซีนโรต้า เข็ม 2 (Rota 2) 

6 เดือน 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ เข็มที่ 3 (DTwP-HB3), วัคซีนโปลิโอ ชนิดกิน ครั้งที่ 3 (OPV 3) 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ เข็มที่ 3 (DTaP 3), วัคซีนโปลิโอ ชนิดฉีด เข็ม 3 (IPV 3), วัคซีนป้องกันเชื้อ Hib เข็ม 3, วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต เข็ม 3 (PCV 3), วัคซีนโรต้า เข็ม 3 (Rota 3), วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ปีละครั้งช่วงอายุ 6 เดือน-18 ปี เน้นช่วงอายุ 6-24 เดือน ปีแรกฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ 

9 - 12 เดือน 

วัคซีนป้องกันหัด, หัดเยอรมัน, คางทูม เข็มที่ 1 (MMR 1), วัคซีนไข้สมองอักเสบ เจ อี (Live JE) เข็มที่ 1 และ 2 

 

9 - 18 เดือน 

วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจ อี เข็มที่ 1 และ 2 (ฉีดห่างกัน 1-4 สัปดาห์) (MBV JE 1, JE 2 หรือ Live JE 1), วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจ อี เข็ม 1 (Live JE 1) เริ่มฉีดเข็มแรกที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2 อีก 3-12 เดือนต่อมา 

 

12 - 18 เดือน 

วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ เอ (HAV) ให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน, วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ครั้งที่ 1 (VZV 1) หรือ วัคซีนรวมหัด, หัดเยอรมัน, คางทูม, อีสุกอีใส เข็ม 1 (MMRV 1) 

วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต เข็ม 4 (PCV 4) 

18 เดือน 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรนชนิดทั้งเซลล์ กระตุ้น ครั้งที่ 1 (DTwP กระตุ้น 1), วัคซีนโปลิโอ ชนิดกินกระตุ้น ครั้งที่ 1 (OPV กระตุ้น 1) 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรนชนิดไร้เซลล์ กระตุ้น เข็มที่ 1 (DTaP กระตุ้น 1), วัคซีนป้องกันเชื้อ Hib เข็ม 4, วัคซีนโปลิโอ ชนิดฉีด เข็มที่ 4 (IPV 4) 

2 - 2.5 ปี 

วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจ อี เข็มที่ 3 (MBV JE 3 หรือ Live JE 2), วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจ อี เข็ม 2 (JE 2) 

 

2.5 ปี 

วัคซีนป้องกันหัด, หัดเยอรมัน, คางทูม เข็มที่ 2 (MMR 2) 

 

4 ปี 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ กระตุ้น เข็มที่ 2 (DTwP กระตุ้น 2), วัคซีนโปลิโอ ชนิดกิน กระตุ้น ครั้งที่ 2 (OPV กระตุ้น 2) 

วัคซีนป้องกันคอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ กระตุ้น เข็มที่ 2 (DTaP กระตุ้น 2), วัคซีนโปลิโอ ชนิดฉีด เข็มที่ 5 (IPV 5), วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ครั้งที่ 2 (VZV 2) หรือ วัคซีนรวมหัด, หัดเยอรมัน, คางทูม, อีสุกอีใส เข็ม 2 (MMRV 2) 

ทั้งนี้ หลังจากที่ พ่อแม่ กลับไปดูแล ลูกน้อย ที่บ้านแล้ว ควรเข้ารับ ฉีดวัคซีน ตามนัดหมาย หรือให้เข้ารับ วัคซีนพื้นฐาน ตามช่วงอายุของ เด็ก โดยในบางโรงพยาบาล คุณหมอ จะแนะนำ และพิจารณาให้ เด็กๆ ได้รับ วัคซีนเสริม จากปกติอีกด้วย การฉีดวัคซีน สำหรับ เด็ก มีโปรแกรมที่ควรได้รับจนถึงเป็น วัยรุ่น ดังนี้

วัคซีนเสริมที่สำคัญสำหรับเด็ก
  • วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม (ไอพีดี IPD): โรคไอพีดี คือ โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดรุกล้ำ เป็น สาเหตุ ของ การเสียชีวิต อันดับหนึ่งของ โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ใน เด็ก โดยเฉพาะใน เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เชื้อนิวโมคอคคัส ก่อให้เกิด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, ปอดอักเสบ และก่อให้เกิด การติดเชื้อรุกล้ำรุนแรง ได้แก่ การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง, การติดเชื้อในกระดูกและข้อ และ การติดเชื้อในกระแสเลือด ปัจจุบันมี วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี 2 ชนิด คือ ชนิด 10 สายพันธุ์ และ 13 สายพันธุ์ โดยให้ 4 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือนและ ฉีดกระตุ้น ที่อายุ 12-15 เดือน
  • วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่: โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจาก เชื้อไวรัส (Influenza Virus) มีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ ชนิด A, B และ C มี ระยะฟักตัว 1-4 วัน ทำให้เกิด อาการ ของ ระบบทางเดินหายใจ ทั้งส่วนบน (จมูกและคอ) และอาจแพร่กระจายไปยัง ทางเดินหายใจส่วนล่าง (หลอดลมและปอด) โดยมักมี ไข้สูง, ปวดเมื่อย และ อ่อนเพลีย มากใน เด็กเล็ก เด็กที่มีภูมิต้านทานไม่สมบูรณ์ อาจมี โรคแทรกซ้อน ได้ องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ โดยแนะนำให้ ฉีดวัคซีน ก่อนเข้าฤดูที่มีการระบาด (ฤดูฝนและฤดูหนาว) และ ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี เพื่อให้มี ภูมิคุ้มกัน อยู่ในระดับสูง และ ป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปี ควร ฉีดวัคซีน ใน เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่
  • วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส: โรคอีสุกอีใส เกิดจาก เชื้อไวรัส Varicella-Zoster Virus (VZV) ทำให้มี อาการไข้, ผื่นหลายระยะ ขึ้นบริเวณ ผิวหนัง ระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน แพร่กระจาย ผ่าน ทางลมหายใจ ไอ จาม และการหรือสัมผัส รอยโรคบริเวณผิวหนัง จึงเป็น โรคที่ติดต่อได้ง่าย ระบาดได้เร็ว หรือ ละอองฝอยจากลำคอ โดยเฉพาะในกลุ่ม เด็กเล็ก, เด็กโตที่ไปโรงเรียน การติดเชื้อในเด็กทารกอายุน้อย, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง, และใน วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ มีโอกาสเกิด โรคแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ และ สมองอักเสบ ได้ โรคอีสุกอีใส สามารถ ป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวัคซีน สามารถให้ได้ใน เด็ก ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป ไปจนถึง ผู้ใหญ่ ภายหลัง การให้วัคซีนอีสุกอีใส เมื่อครบ 2 เข็ม จะมี ภูมิคุ้มกันสูงสุด ร้อยละ 98 ต่อ การติดเชื้ออีสุกอีใส และร้อยละ 99 ต่อ ภาวะรุนแรงของโรคอีสุกอีใส
  • วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก: โรคมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการ ติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) เป็น สาเหตุสำคัญ ของ การติดเชื้อเนื้อเยื่อบุผิวบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก เป็น มะเร็ง ที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจาก มะเร็งเต้านมในหญิงไทย และเกือบทั้งหมดเกิดจากการ ติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกันการติดเชื้อด้วยการฉีดวัคซีน เป็น แนวทางการป้องกันโรคที่ดีที่สุด โดยควร ฉีด ตั้งแต่ยังไม่เคยมี เพศสัมพันธ์ และ ร่างกาย อยู่ในวัยที่ สร้างภูมิคุ้มกันได้ดี แนะนำให้ ฉีด ในหญิงและชายอายุ 9 - 26 ปี ข้อมูลใน เด็กผู้ชาย นั้นสามารถ ป้องกันโรคหูดหงอนไก่ และ มะเร็งทวารหนัก ได้ด้วย ใน วัยรุ่นที่แข็งแรงดี หาก ฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ให้ ฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้ง จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า การฉีด 3 ครั้ง
  • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ: ไวรัสตับอักเสบ เอ คือ โรคที่มีการอักเสบของตับ จาก การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (HAV) ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ผ่าน การรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ, การสัมผัสกับสิ่งสกปรกและอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือ ผู้ที่ติดเชื้อ, และจาก การบริโภคน้ำหรืออาหารที่ผิดสุขอนามัย สาเหตุ ทำให้เกิด ตับอักเสบเฉียบพลัน ทำให้ เด็กมีไข้, คลื่นไส้อาเจียน, เบื่ออาหาร, ท้องอืด, ตัวเหลือง, อ่อนเพลีย การติดเชื้อ อาจไม่มี อาการ, อาการ ไม่มากจนถึง รุนแรง ได้ ไวรัสตับอักเสบเอ ฉีด ได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน




ตารางสรุปวัคซีนเสริมที่สำคัญ

วัคซีนเสริมจำนวนช่วงอายุ
วัคซีนไอพีดี (IPD)4 ครั้ง2, 4, 6 เดือน และฉีดกระตุ้นที่อายุ 12-15 เดือน
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง6 เดือนขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่
วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส2 ครั้ง12-18 เดือน และฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 4-6 ปี
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก2 ครั้งอายุ 9-15 ปี ครั้งที่ 2 หลังจากเข็มแรก 6-12
วัคซีนป้องกันตับอักเสบเอ2 ครั้ง1 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 2 ห่างกัน 6-12 เดือน


การฉีดวัคซีนเสริม เป็น การสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อ โรคต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อ ลดความเจ็บป่วย ต่อ การเกิดโรคต่างๆ เด็ก จะได้มี สุขภาพดี, แข็งแรง, สมบูรณ์ พร้อมที่จะเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ การรับวัคซีนเสริม ในแต่ละชนิดนั้นควร ฉีด เมื่ออยู่ใน กลุ่มเสี่ยง โดยสามารถปรึกษา แพทย์เฉพาะทาง ถึง ความเสี่ยง ของ เด็ก ว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด หรือมีความจำเป็นต้องได้รับ วัคซีน เน้นเฉพาะ โรคใดเป็นพิเศษ


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง โทร 0-2818-9000
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง
เพิ่มเพื่อน