ตกขาวสีไหนปกติ สีไหนที่บอกว่าเรากำลังมีปัญหา
เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ผู้หญิงเราก็จะเริ่มคุ้นเคยกับการมีประจำเดือน และบางคนอาจจะมีอาการของ “ตกขาว”ตามมาด้วยเช่นกันตกขาว คือของเหลวที่ถูกขับออกจากช่องคลอด มีลักษณะเป็นเมือก ลื่น มักจะมา 3 ช่วงเวลาคือ ช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงระหว่างมีประจำเดือน และช่วงหลังมีประจำเดือน ซึ่งตกขาวที่ปกตินั้นจะมีสีขาวขุ่นหรือสีใส และไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ตกขาวที่ผิดปกติ จะมีสีที่ต่างไปจากเดิม เช่น สีเหลืองหรือสีเขียว มาพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์มีลักษณะเป็นก้อนหนา รวมไปถึงมีอาการแสบช่องคลอด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายเริ่มมีความผิดปกติ
เพราะสุขภาพภายในของผู้หญิง เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพและสำรวจความผิดปกติใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการสังเกตความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมามากหรือมานานผิดปกติ เรายังควรให้ความสำคัญของการสังเกตอาการตกขาวด้วย เพราะสีของตกขาวอาจเป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกโรคได้เช่นกัน
ลักษณะอาการตกขาวที่ผิดปกติ ตกขาวสีเทามักมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นคาว ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาสวนช่องคลอด หรือการรับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน- ตกขาวสีขาวขุ่นผิดปกติหรือมีสีเหลืองอ่อน
ตกขาวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนและมีสีที่ขุ่นผิดปกติ มาพร้อมกลิ่นเหม็นอับ ทำให้รู้สึกคันบริเวณอวัยวะเพศ อาจเกิดร่วมกับอาการปัสสาวะขัดและอาการแสบช่องคลอด ตกขาวสีนี้มักเกิดจากปัญหาเชื้อราในช่องคลอด มาพร้อมกลิ่นคาวและอาการคัน ปัสสาวะขัด อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน หรือเกิดจากเชื้อราและเชื้อไวรัส- ตกขาวสีเขียว หรือเหลืองปนเขียว
พร้อมกลิ่นคาวและอาการคัน มักเกิดจากติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์- ตกขาวแบบมีเลือดปนหรือมีสีน้ำตาล
ตกขาวชนิดนี้อาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย อาจเกิดหลังการมีประจำเดือน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือมีเลือดออกจากการตกไข่ มักมาพร้อมอาการระคายเคือง คัน แสบขัดตอนปัสสาวะและแสบช่องคลอด อาการเกิดจากการติดเชื้อทริโคโมนาสในช่องคลอดที่สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์- ตกขาวสีชมพู หรือสีชมพูจางๆ
มักพบในผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูกและอาจเกิดได้จากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อเดียวกัน อาจมีการแสดงของตกขาวที่ผิดปกติต่างกัน และตกขาวที่ผิดปกติก็อาจเกิดได้จากการติดเชื้อแตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อพบความผิดปกติ จึงควรพบสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจและรักษาได้ตรงจุด