ซีสต์และก้อนที่เต้านม

คลำพบก้อนที่เต้านม ก้อนเนื้อหรือซีสต์?


การคลำพบก้อนที่เต้านมเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับผู้หญิงทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจว่าก้อนเหล่านั้นมีหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักไม่ใช่มะเร็ง การเรียนรู้วิธีสังเกตและเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจะช่วยให้คุณคลายความกังวลและได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์

ก้อนที่เต้านมมีกี่ชนิด?
ก้อนที่เต้านมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด ทั้งที่เป็นเนื้องอกไม่ร้ายแรง และถุงน้ำ ซึ่งพบบ่อยที่สุดดังนี้:
- ไฟโบรซีสติค (Fibrocystic Changes - FCC): เป็นการเปลี่ยนแปลงของเต้านมที่เกิดจากฮอร์โมน มีลักษณะขรุขระ หยุ่นๆ และอาจทำให้รู้สึกเจ็บ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน และมักดีขึ้นเมื่อประจำเดือนมา
- ไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenoma): เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่มีลักษณะกลม ผิวเรียบ เคลื่อนที่ได้ ไม่ค่อยเจ็บ และมักพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
- ซีสต์ (Cyst): หรือถุงน้ำ เป็นก้อนที่ข้างในมีของเหลว สามารถเคลื่อนที่ได้และมีขนาดแตกต่างกันไป มักพบในผู้หญิงก่อนหมดประจำเดือน และอาจยุบหายไปเองได้
นอกจากนี้ยังมีก้อนไขมัน (Lipoma) หรือเนื้องอกอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็ง ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อระบุชนิดของก้อน

สาเหตุของการเกิดก้อนที่เต้านม
สาเหตุหลักของการเกิดซีสต์หรือก้อนเนื้อในเต้านมเชื่อว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงของ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงอายุ 20-35 ปี ซึ่งมีฮอร์โมนเพศหญิงในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ชายก็สามารถเกิดก้อนที่เต้านมได้เช่นกัน แม้จะพบได้น้อยมากก็ตาม

แนวทางการตรวจวินิจฉัยและรักษา
เมื่อคลำพบก้อนที่เต้านม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย แพทย์จะซักประวัติและพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น
- ดิจิตอลแมมโมแกรม (Digital Mammogram): เป็นการถ่ายภาพรังสีของเต้านมเพื่อตรวจหาความผิดปกติ
- อัลตราซาวด์เต้านม (Breast Ultrasound): เป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อแยกแยะว่าก้อนนั้นเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ
- การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (Biopsy): หากแพทย์สงสัยว่าก้อนเนื้ออาจเป็นมะเร็ง จะพิจารณาตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็กไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันผล
หากผลตรวจระบุว่าก้อนที่พบไม่ใช่มะเร็ง แพทย์อาจเลือกใช้วิธี เฝ้าระวัง โดยนัดติดตามอาการทุก 3-6 เดือน แต่ถ้าเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมาก แพทย์อาจพิจารณา การผ่าตัด ซึ่งอาจเป็นการนำก้อนออกหรือผ่าตัดเต้านมทั้งหมด ขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของก้อนที่พบ

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจคัดกรอง
แม้ว่าบางปัจจัย เช่น พันธุกรรม จะไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลสุขภาพ เช่น การลดการบริโภคไขมันจากสัตว์ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจสุขภาพประจำปี และ การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยตัวเองหรือกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเพิ่มโอกาสในการหายจากโรค