แม้ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจ แต่ก็อาจพบความผิดปกติเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจได้เช่นกัน เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมเข้ามากระตุ้นทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ จากการแปรปรวนในระบบประสาทอัตโนมัติ อาทิ ความเครียด ภาวะวิตกกังวล คิดมาก คิดไม่ตก รวมไปถึงดื่ม ชา กาแฟ แอลกอฮอล์
หัวใจ
นับว่าเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักตลอดชีวิต
ตลอดเวลาแบบไม่มีวันหยุด ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย ในทุกๆ จังหวะการเต้นของหัวใจ เป็นเหมือนสัญญาณบอกความปกติ หรือผิดปกติของสุขภาพได้ โดยปกติแล้วอัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ที่ 60 - 100 ครั้งต่อนาที (ผู้ใหญ่ทั่วไป) ไม่ควรช้า หรือเร็วเกินกว่านี้มากนัก เมื่อใดก็ตามที่จังหวะหัวใจมีอัตราการเต้นที่ช้า (มึนงง หวิว วูบ หมดสติ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ หรืออัตราการเต้นเร็ว (เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เป็นลม) มากกว่า หรือน้อยกว่านี้แสดงว่าหัวใจคุณมีอาการสะดุดเกิดขึ้นแล้ว หากปล่อยปละละเลยไม่สนใจเข้ารับการรักษา สิ่งที่ตามมาในอนาคต คือความเสี่ยงที่อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษา
เริ่มต้นจากการพิจารณาเป็นรายบุคคล เช่น ให้ยาคลายเครียด หรือการให้ยาต้านการเต้นหัวใจผิดปกติ หรือยากระตุ้นหัวใจ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ นอกจากนี้สิ่งสำคัญ คือหาวิธีกำจัดความเครียด ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท และหมั่นตรวจเช็คสุขภาพหัวใจเป็นประจำ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ได้ผลดี เช่น การจี้หัวใจด้วยไฟฟ้า ผ่านคลื่นเสียงความถี่สูงเท่าคลื่นวิทยุ เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาสลบและได้ผลดี หากหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ อาจจะรักษาด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งการรักษาจะขึ้นกับลักษณะของผู้ป่วยแต่ละราย ร่วมกับการพิจารณาของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ หัวใจ