ผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 (DM Type 1) จะเข้ามาพบแพทย์ด้วยอาการเสียสมดุลของอินซูลิน ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่พบบ่อย หรือเรียกว่า ภาวะคีโตซิส (Diabetic Acidosis) สามารถพบได้มากกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 (DM Type 2 ) มีระดับอาการที่รุนแรงและควบคุมได้ยากกว่า เพราะอินซูลินในร่างกายมีปริมาณน้อย หรือแทบไม่มีเลย เรามาดูกันว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เป็นเบาหวาน มีอะไรบ้าง
- กรรมพันธุ์ แม้จะเป็นปัจจัยที่ยากต่อการหลีกเลี่ยง แต่การหมั่นตรวจสุขภาพร่างกาย หรือตรวจเลือดอยู่เป็นระยะ ก็เป็นการช่วยลดความเสี่ยงลงได้
- น้ำหนักตัว พบว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีน้ำหนักมาก มักจะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคชนิดต่างๆ นอกจากเบาหวานได้ค่อนข้างเยอะ เพราะเมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มมาก ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย หากร่างกายไม่มีการดึงเอาน้ำตาลจากเลือดออกมาใช้ ก็ทำให้เกิดภาวะระดับน้ำตาลสูง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้
- น้ำหนักลงโดยไม่ตั้งใจ เกิดจากร่างกายไม่สามารถดึงเอาน้ำตาลออกมาใช้เป็นพลังงานได้ ทำให้ต้องดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้ในกล้ามเนื้อมาใช้แทน ผู้ป่วยจึงมีรูปร่างผอมแห้ง และน้ำหนักลดลง
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันอาหาร ผัก ผลไม้ ขนม หรือของทานเล่น ส่วนใหญ่กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกระตุ้นโรคเบาหวานได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสชาติหวาน หรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น แป้ง น้ำตาล เหล่านี้คือการสะสมปริมาณสารอาหารที่ไม่จำเป็นไว้ในร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ในกรณีคนรสนิยมรับประทานหวานแต่ไม่พบประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นเบาหวานมาก่อน ก็อาจไม่ส่งผลให้เป็นเบาหวาน เพราะการรับประทานหวานได้ หากแต่จะเป็นการสะสมระดับน้ำตาลในเลือดและน้ำหนักตัวขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ นอกจากรสชาติอาหารที่มีความหวานแล้ว การดื่มสุรา แอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ก็ยังเป็นปัจจัยย่อยที่มีส่วนในการสร้างโรคเบาหวานได้เช่นกัน
- อายุขัย และสตรีที่มีประวัติเคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ง่ายต่อการเกิดเบาหวานได้อีกด้วย
ศูนย์เบาหวานและเฉพาะโรค อาคาร 1 ชั้น 2 โทร. 02-271 7000 ต่อ เบาหวานและเฉพาะโรค