โรคความจำเสื่อม ปัญหาสุขภาพที่คุกคามคนไทยมานานแล้ว การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ และการวินิจฉัยแยกโรคที่ถูกต้อง ส่วนใหญ่จะแก้ไขให้ดีเช่นเดิมได้ยาก เป้าหมายจึงมุ่งเน้นในเรื่องพัฒนาคุณภาพชีวิต ยกเว้นภาวะเลือดออกในสมอง บางกรณีสามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่เป็นโรคความจำเสื่อมมีหลายระดับตั้งแต่สูญเสียความจำระยะสั้น ระดับเห็นภาพหลอน อารมณ์รุนแรง และระดับที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สูญเสียความสามารถในการสื่อสาร และต้องการการดูแลตลอดเวลา ดังนั้น การวางแผนดูแลผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอาจเป็นแนวทางที่ดีในการรักษา และดูแลผู้ป่วยโรคความจำเสื่อม
1. เข้าใจและวางแผนการดูแล การที่เราจะดูแลผู้ป่วยความจำเสื่อมให้ได้ดีนั้น เราต้องเข้าใจพฤติกรรม และอาการของผู้ป่วยก่อนว่าอยู่ในระดับไหน และพฤติกรรมที่แสดงออกมาจะเป็นอย่างไร เราจะได้วางแผนในการรับมือ ปรับความคิดและวางแผนการดูแล และแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
2. สร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ดี การดูแลผู้ป่วยความจำเสื่อมจะต้องมีการปรับสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้เอื้อและง่ายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่ต้องให้ผู้ป่วยใช้การนึกหรือจำสิ่งต่างๆ ภายในบ้านมากนัก เก็บสิ่งของที่ต้องใช้ในทุกๆ วัน อย่างเช่น กระเป๋าสตางค์ กุญแจ โทรศัพท์มือถือไว้ในที่เดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการจำ ดูแลเรื่องแสงสว่างที่เพียงพอ ลดความสับสน และลดความเสี่ยงของการหกล้มภายในบ้าน การใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์สูงจะช่วยเพิ่มแสงสว่างในบ้านได้
3. ออกกำลังกาย ควรจะพาผู้ป่วยความจำเสื่อมไปออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายได้พัฒนารวมถึงให้สมองได้ทำงานอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่มีอาการที่แสดงออกมาทางด้านอารมณ์รุนแรงนั้นการพาไปออกกำลังกายเป็นประจำก็จะสามารถช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
4. ใช้ยาบรรเทาอาการ เพื่อหวังผลชะลอความรุนแรงของโรคให้เสื่อมช้าลง ควรให้ผู้ป่วยทานยาตามใบสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด การทานยาของผู้ป่วยจะแตกต่างกันไปในแต่ละระดับของอาการรวมถึงยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงในการใช้ ดังนั้น คนที่ดูแลผู้ป่วยความจำเสื่อมจะต้องจดจำและเข้าใจตัวยาแต่ละชนิดด้วยเช่นกัน
5. การบำบัด การบำบัดในที่นี้คือการให้ผู้ป่วยได้ทำการพัฒนาสมองด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ การเรียนภาษาเพื่อกระตุ้นให้สมองได้ทำงาน การเล่นดนตรีหรือการวาดรูปก็ช่วยได้เช่นกัน นอกจากจะช่วยให้สมองพัฒนาแล้วยังช่วยปรับอารมณ์ของผู้ป่วยได้อีกด้วย
6. โดยทั่วไปการป้องกันในสิ่งที่ทำได้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราไม่สามารถหยุดยั้งความเสื่อมตามธรรมชาติได้ แต่เราสามารถดูแลสุขภาพของเราให้ดี ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ พยายามมีสติในสิ่งต่างๆที่กำลังทำ และฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา ตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้ามีโรคประจำตัวอยู่เดิมก็ต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ เช่น การตรวจหา ดูแล และรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังควรสังเกตตัวเองรวมถึงบุคลใกล้ชิดว่าเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ ผิดปกติหรือไม่ เช่น ลืมกุญแจ ลืมปิดประตูบ้าน ลืมปิดไฟ ลืมทำในสิ่งที่เคยทำในชีวิตประจำต่างๆ มากขึ้น เสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อมหรือไม่ ซึ่งหากมีพฤติกรรมเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ โรคระบบประสาทและสมอง