PM 2.5 มลพิษตัวร้ายผลกระทบต่อ โรคทางเดินหายใจในเด็ก

PM 2.5
มลพิษตัวร้ายผลกระทบต่อโรคทางเดินหายใจในเด็ก

 

ฝุ่น PM 2.5คือมลพิษทางอากาศที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กและเด็กที่มีโรคประจำตัวเช่นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจการสูดดมฝุ่นพิษ PM 2.5เข้าไปสามารถกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้และหากบุตรหลานของคุณมีอาการผิดปกติควรพาไปพบแพทย์ทันที 


PM 2.5
คืออะไรและทำไมถึงอันตรายต่อเด็ก? 

PM 2.5คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตรซึ่งเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วยขนาดที่เล็กนี้ทำให้PM 2.5สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราไปถึงถุงลมปอดและบางส่วนยังสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรงทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในหลายระบบทั่วร่างกาย 

สำหรับเด็กแล้วPM 2.5ยิ่งอันตรายเป็นพิเศษเนื่องจาก: 

    • ระบบทางเดินหายใจของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ 

    • เด็กมีอัตราการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่ทำให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าไปในปริมาณที่มากกว่า 

    • เด็กมักมีกิจกรรมนอกบ้านเยอะทำให้มีโอกาสสัมผัสฝุ่น PM 2.5ได้มากกว่า

 

ฝุ่นPM2.5


อาการแพ้ฝุ่น
PM 2.5 ในเด็กที่ผู้ปกครองควรรู้ 

เมื่อเด็กได้รับฝุ่น PM 2.5เข้าไปอาจแสดงอาการดังต่อไปนี้ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง: 

    • อาการทางเดินหายใจ

    • แสบจมูก 

    • น้ำมูกไหล 

    • หายใจไม่สะดวกหรือหายใจลำบาก 

    • ไอและมีเสมหะ 

    • เจ็บคอ 

    • แน่นหน้าอก (โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นหอบหืด) 

    • อาการทางผิวหนัง

    • มีผื่นคันบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสกับฝุ่น

 

ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวของ PM 2.5 ต่อสุขภาพเด็ก 

การสูดดมฝุ่น PM 2.5ไม่เพียงแค่ทำให้เกิดอาการเฉียบพลันแต่ยังมีผลกระทบระยะยาวที่น่ากังวล: 

    • กระตุ้นโรคระบบทางเดินหายใจ: ทำให้ภูมิแพ้ทางเดินหายใจกำเริบและกระตุ้นโรคหอบหืดให้มีอาการรุนแรงขึ้น 

    • เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ: ทำให้ระบบทางเดินหายใจของเด็กติดเชื้อได้ง่ายขึ้นเช่นหวัด, หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบ 

    • ผลกระทบต่อพัฒนาการ: ในระยะยาวการรับฝุ่น PM 2.5ในปริมาณมากและต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อระดับสติปัญญาและพัฒนาการของเด็ก 

    • ความเสี่ยงโรคมะเร็งปอด: หากร่างกายได้รับฝุ่น PM 2.5ในปริมาณมากและเป็นเวลานานจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดในอนาคต

 

วิธีป้องกันเด็กจากฝุ่น PM 2.5 (คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง) 

เนื่องจากฝุ่น PM 2.5ยังคงเป็นมลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องผู้ปกครองจึงควรดำเนินมาตรการป้องกันอย่างจริงจังเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของบุตรหลาน: 

    • ลดกิจกรรมนอกบ้าน: หลีกเลี่ยงการพาเด็กๆไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือไปในสถานที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด (สามารถตรวจสอบค่าAQIหรือคุณภาพอากาศได้จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์) 

    • ปรับสภาพแวดล้อมในบ้าน: 

    • ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าสู่ภายในบ้าน 

    • เปิดเครื่องฟอกอากาศ: ควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองชนิดHEPA (High-Efficiency Particulate Air) ซึ่งสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง 

    • สุขอนามัยส่วนบุคคล: 

    • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: หากจำเป็นต้องออกจากบ้านควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำซึ่งจะช่วยลดปัจจัยกระตุ้นและทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น 

    • ทำความสะอาดบ้าน: หมั่นเช็ดทำความสะอาดบ้านและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กภายในบ้าน 

    • การใส่หน้ากาก: เมื่อต้องออกนอกบ้านในบริเวณที่มีฝุ่น PM 2.5สูงควรให้เด็กใส่หน้ากากอนามัยชนิดN95หรือหน้ากากที่ระบุว่าสามารถป้องกันPM 2.5ได้อย่างถูกต้องและกระชับกับใบหน้า

 

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์? 

หากผู้ปกครองพบว่าบุตรหลานมีอาการดังต่อไปนี้แม้จะได้รับการป้องกันแล้วก็ตามควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที: 

    • ไอไม่หายหรือไอมากขึ้น 

    • แน่นหน้าอก 

    • หายใจลำบากหรือหายใจมีเสียงผิดปกติ 

    • มีผื่นคันขึ้นตามร่างกายที่ผิดปกติ


การรู้เท่าทันและป้องกัน
ฝุ่น PM 2.5คือสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพทางเดินหายใจของเด็กๆเพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

พญ.สุชาตา ราษฎรวิจิตร



📚บทความสุขภาพ📚
📖โรคไข้เลือดออก
📖โรคไวรัส RSV ในเด็ก 
📖ภูมิคุ้มกัน สำคัญต่อลูกน้อยอย่างไร
📖รับมืออย่างไร เมื่อลูกเป็นไข้หวัดใหญ่


ข้อมูลอ้างอิง
สสส https://www.thaihealth.or.th/?p=352371




สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์ตรวจสุขภาพเด็ก โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5121
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset