“ที่ฉันอ้วน เพราะฉันหยุดกินไม่ได้” หากต้นเหตุความอ้วนของคุณเกิดขึ้นเพราะสาเหตุนี้ แถมลองลดน้ำหนักมาสารพัดวิธีก็ยังไม่ได้ผล ต้องลองทำความรู้จักกับการลดน้ำหนักด้วยวิธี Sleeve Gastrectomy เพราะดีกว่าเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วยวิธีลดน้ำหนักแบบผิดๆ ถูกๆ หรือครั้นจะปล่อยให้อ้วนต่อไปก็คงไม่ดีเพราะมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine ชี้ว่า โรคอ้วนเป็นสาเหตุให้คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนก่อนวัยอันควร สูงถึงปีละ 4 ล้านคน
Sleeve Gastrectomy วิธีนี้ช่วยลดน้ำหนัก...ยังไง?
วิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักในปัจจุบัน คือการผ่าตัดแบบ Sleeve Gastrectomy หรือเรียกสั้นๆ ว่า Sleeve “แพทย์จะทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารผ่านกล้อง โดยเจาะรูประมาณ 4 – 5 รู เพื่อลดขนาดจากความจุจากเดิมประมาณ 1,000 cc ให้เหลือความจุประมาณ 150 cc โดยใช้เครื่องมือตัดต่อชนิดพิเศษซึ่งสามารถตัด และเย็บกระเพาะได้ไปในครั้งเดียวกัน แพทย์จะเช็คความเหมาะสมของขนาด และรูปทรงกระเพาะ ก่อนเย็บปิดด้วยไหมละลาย ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวที่ รพ.ภายใน 1 – 2 วัน และกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ หลังรับการผ่าตัดคนไข้จะทานอาหารได้น้อยลง รู้สึกอิ่มโดยไม่ทรมานเหมือนเวลาที่อดอาหารปกติ เพราะหลังการผ่าตัดฮอร์โมนความหิว (Ghrerin) จะลดต่ำลง นอกจากนี้ฮอร์โมนความอิ่ม (GLP1,PYY) จะถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมามากขึ้นด้วย
ผ่าตัดลดความอ้วน vs ผ่าตัดหนังหน้าท้องหรือดูดไขมัน
การผ่าตัดหนังหน้าท้อง ไม่ใช่แนวทางการรักษาแบบเดียวกับการผ่าตัดลดความอ้วน แต่มาจากปัญหาอย่างหนึ่งหลังจากคนไข้ผ่าตัดลดความอ้วน ก็คือเมื่อน้ำหนักลดลงมากๆ บางกลุ่มที่ผิวหนังหย่อนยาน ก็จะต้องใช้การทำศัลยกรรมพลาสติกเข้ามาช่วย การผ่าตัดเก็บหนังหน้าท้องเป็นการด้วยการจัดแต่งทรง ดูดชั้นไขมันข้างนอก โดยไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความอ้วนจากต้นตอจริงๆ ไม่ได้แก้ไขฮอร์โมนความหิว ต่างจากหลักการของผ่าตัดโรคอ้วน คือการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคร่วมที่เกี่ยวกับโรคอ้วนอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ รักษาไขมันเกาะตับ นอกจากนี้ ผ่าตัดลดความอ้วนช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งถุงน้ำดี ในอนาคตได้
ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งก่อน – หลังผ่าตัด
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด แพทย์จะให้คำแนะนำ ตรวจร่างกายที่จำเป็นให้แก่คนไข้ เพื่อประเมินสุขภาพก่อนรับการผ่าตัด รวมถึงใช้เครื่องมืออัลตร้าซาวด์ เพื่อเช็คภาวะไขมันเกาะตับ หรือนิ่วในถุงน้ำดี เมื่อตรวจทุกอย่างครบถ้วนก็สามารถนัดหมายผ่าตัดได้
กรณีหลังการผ่าตัดแบบ sleeve ที่เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ในช่วงแรกแพทย์จะให้ทานวิตามินเสริม หลังจากนั้นจะนัดมาตรวจดูระดับวิตามิน และติดตามอย่างสม่ำเสมอในช่วงสัก 1 – 2 ปีแรก เพื่อดูน้ำหนัก และพฤติกรรมการกิน ให้การลดน้ำหนักหลังการผ่าตัดเป็นไปได้มีประสิทธิภาพที่สุด
คำแนะนำเมื่อกระเพาะจุได้น้อยลง