ปวดท้องแบบไหน ให้สงสัยว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) คือ ก้อนนิ่วขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในถุงน้ำดี มักเกิดขึ้นเมื่อส่วนประกอบของน้ำดี โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลและบิลิรูบิน (สารให้สีในน้ำดี) เกิดความไม่สมดุล และมีการสะสมจนตกตะกอนเป็นก้อนผลึก โดยก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นนี้ อาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทราย หรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ และอาจมีได้ตั้งแต่หนึ่งก้อนจนถึงหลายร้อยก้อนก็เป็นได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก้อนนิ่วจะไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ และไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ในกรณีที่โรคลุกลามหรือเกิดการอักเสบก็อาจจะต้องผ่าตัดรักษา
ชนิดของนิ่วในถุงน้ำดีนิ่วในถุงน้ำดีมี 2 ชนิดหลัก ได้แก่
- นิ่วในถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Gallstones) ซึ่งเป็นชนิดที่พบมากที่สุด มักมีลักษณะเป็นก้อนสีขาว เหลืองหรือเขียว และนิ่วในถุงน้ำดีมักจะประกอบด้วยคอเลสเตอรอลที่ไม่ถูกละลายไป และอาจมีส่วนประกอบของสารอื่น ๆ
- นิ่วในถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากเม็ดสีหรือบิลิรูบิน (Pigment Gallstones) มักจะเป็นสีน้ำตาลหรือดำ ซึ่งเกิดจากน้ำดีที่มีสารบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป
อาการที่พบบ่อย เมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อมีอาการต่างๆ เหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของนิ่วในถุงน้ำดี จึงควรรีบพบแพทย์
- ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณช่วงท้องส่วนบนหรือด้านขวา โดยมีระยะเวลาปวดตั้งแต่ 15 นาทีจนถึงหลายชั่วโมง และอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณกระดูกสะบัก หรือบริเวณไหล่ด้านขวา
- อาการทางระบบทางเดินอาหารอื่นๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แสบร้อนที่ยอดอก มีลมในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่หลังรับประทานอาหารมันๆ
- หากมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะทำให้มีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงขวา และอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้มได้
ปัจจัยและสาเหตุของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี- น้ำดี (Bile) มีคอเลสเตอรอลมากเกินไป ซึ่งโดยปกติในน้ำดีของคนเรา จะมีสารเคมีที่ขับออกมาโดยตับสำหรับละลายคอเลสเตอรอลอย่างเพียงพอ แต่หากตับขับคอเลสเตอรอลมามากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการก่อตัวจนเกิดเป็นตะกอนและกลายเป็นก้อนนิ่วได้ในที่สุด
- น้ำดีมีสารบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป สารบิลิรูบินเป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดเลือดถูกทำลายหรือตายลง หรืออาจเกิดจากบางภาวะที่ทำให้ตับผลิตสารบิลิรูบินมามากเกินไป เช่น โรคตับแข็ง การติดเชื้อระบบทางเดินน้ำดี หรือความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดบางชนิด เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย และโรคโลหิตจางจากการขาดเอนไซม์ G6PD3. ถุงน้ำดีขับของเสียออกมาอย่างไม่เหมาะสม ทำให้น้ำดีอาจอยู่ในสภาพที่มีความเข้มข้นมาก ซึ่งอาจก่อตัวเป็นนิ่วได้ในที่สุด
การป้องกันและรักษานิ่วในถุงน้ำดี- ไม่ควรข้ามมื้ออาหารหรืออดอาหาร เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่วในท่อน้ำดี ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และครบทุกมื้อในทุกวัน
- หากต้องการจะลดน้ำหนัก ควรค่อยๆ ลดอย่างช้าๆ เพราะหากน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่วในท่อน้ำดีได้ ควรพยายามลดน้ำหนักไม่ให้เกิด 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
- รักษาน้ำหนักตัวให้มีความสมดุลและดีต่อสุขภาพ เพราะโรคอ้วนและการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ ควรลดปริมาณแคลอรีในการรับประทานอาหาร และเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อช่วยรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป และหากมีน้ำหนักตัวพอดีแล้ว ก็ควรรักษาเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง
- ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
- การรักษาสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง และการผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy)
ทั้งนี้การป้องกัน และการรักษา ส่วนใหญ่ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่มีอาการผิดปกติแสดงให้เห็น และมักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจร่างกายด้วยโรคอื่นๆ แต่เมื่อมีอาการเกิดขึ้นก็ควรมีการปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำของแพทย์ และเข้ารับการผ่าตัดเมื่อจำเป็น
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล รังสิต โทร 0-2577-8111
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล รังสิตLine ID : @paolorangsit