เหมาะสำหรับใคร? เรื่องไหนบ้างที่ควรรู้เกี่ยวกับ “การผ่าตัดกระเพาะอาหาร”
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่การลดน้ำหนักบางครั้งก็ไม่ง่ายนักสำหรับใครหลายคน เมื่อทำอย่างไรน้ำหนักก็ไม่ลดสักที ทั้งการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ดังนั้น การผ่าตัดกระเพาะอาหาร หรือ Bariatric Surgery จึงกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนหันมาพิจารณา และกำลังเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักว่าการผ่าตัดกระเพาะเหมาะสำหรับใคร? และเรื่องไหนบ้างที่ควรรู้เกี่ยวกับ “การผ่าตัดกระเพาะอาหาร”
ทำไมถึงต้องเลือกวิธีการ “ผ่าตัดกระเพาะอาหาร”?
ปัญหาโรคอ้วนไม่ใช่เรื่องแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่มันส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพต่างๆ ด้วย โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคร้ายแรงหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่โรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงการเข้ารับการรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีอื่นๆ แล้วยังไม่สามารถกำจัดโรคอ้วนออกไปได้ ทำให้ต้องเลือกวิธีรักษาด้วย “การผ่าตัดกระเพาะอาหาร”
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นวิธีที่ช่วยลดปริมาณอาหารที่สามารถกินได้ในแต่ละครั้ง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ส่งผลให้ปริมาณแคลอรีที่รับเข้าไปลดลง ช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การผ่าตัดนี้ไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว เนื่องจากยังเป็นการแก้ปัญหาสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 37.5 หรือมากกว่า 32.5 ร่วมกับมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน
แล้วการผ่าตัดกระเพาะอาหาร...เหมาะสำหรับใคร?
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ไม่ใช่ทุกคนที่อยากผ่าตัดจะสามารถทำได้ เพราะการผ่าตัดกระเพาะเป็นการทำศัลยกรรมที่ซับซ้อนและต้องผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ และไม่สามารถรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีอื่นได้แล้ว โดยผู้ที่เข้าข่ายหรืออยู่ในเกณฑ์ที่จะพิจารณาสำหรับการผ่าตัดกระเพาะมักได้แก่
นอกจากนี้ ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นหรือรักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วแต่ไม่ได้ผล ในผู้ที่เข้ารับการดูแลรักษาโรคอ้วนให้หาย แต่ไม่ว่าวิธีใดก็สามารถกำจัดโรคอ้วนไปได้ แพทย์อาจพิจารณาให้เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะ ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์เท่านั้น และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น
ประเภทของการผ่าตัดกระเพาะอาหารที่คุณควรรู้
การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบส่องกล้องมีหลายรูปแบบ แต่ในปัจจุบันที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายมีด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้
1. การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบสลีฟ (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy) : เป็นการผ่าตัดที่ทำการตัดกระเพาะอาหารออกประมาณ 75-80% ทำให้กระเพาะอาหารเหลือเป็นลักษณะท่อยาวคล้าย "แขนเสื้อ" (Sleeve) วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณในการรับประทานอาหารลงได้อย่างมาก และยังช่วยลดระดับฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่เกี่ยวข้องกับความหิว ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วและหิวน้อยลง
ขั้นตอนการผ่าตัดจะทำโดยการเจาะรูเล็กๆ บนหน้าท้องประมาณ 4-5 รู เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัดเข้าไป จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการตัดกระเพาะอาหารผ่านทางการส่องกล้อง โดยไม่ต้องเปิดหน้าท้องทั้งหมด
2. การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส (Laparoscopic Gastric Bypass) : เป็นการผ่าตัดที่แบ่งกระเพาะอาหารออกเป็นสองส่วน ส่วนบนจะมีขนาดเล็กและทำหน้าที่เก็บอาหาร ส่วนที่เหลือจะถูกข้ามไปและเชื่อมต่อกับลำไส้เล็กส่วนกลาง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณอาหารที่กระเพาะรับได้และการลดการดูดซึมอาหารช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาสจะมีลักษณะเช่นเดียวกับการผ่าตัดแบบสลีฟ โดยการผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารทำโดยการส่องกล้องผ่านรูเล็กๆ เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัด เข้าไปทำการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้การฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจผ่าตัดกระเพาะ
1. การผ่าตัดกระเพาะไม่ใช่ทางลัดของการลดน้ำหนัก
การผ่าตัดกระเพาะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็ยังต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และวิถีชีวิตเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเป็นผลดีในระยะยาว
2. ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน
เช่นเดียวกับการผ่าตัดชนิดอื่นๆ การผ่าตัดกระเพาะอาหารก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากยังไงก็เป็นการผ่าตัด อาจมีอาการเจ็บปวดบริเวณแผล คลื่นไส้ อาเจียน หรือปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร บางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ ซึ่งต้องได้รับการดูแลทางโภชนาการอย่างต่อเนื่อง
3. การฟื้นตัวหลังผ่าตัด
การฟื้นตัวจากการผ่าตัดกระเพาะจำเป็นต้องใช้เวลา ในช่วงแรกหลังผ่าตัด คุณจะต้องเริ่มรับประทานอาหารที่เบาหรืออาหารในรูปแบบของเหลว ก่อนที่จะกลับมากินอาหารปกติ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ตัวเองฟื้นตัวกลับมาปกติได้เร็วที่สุด
ทำความเข้าใจให้ดี...ก่อนเลือกวิธีการผ่าตัดกระเพาะ
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วนที่มีผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรง แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การผ่าตัดไม่ใช่ทางลัดและไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งหมดเกี่ยวกับโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารยังต้องดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เพื่อให้สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งนี้ การผ่าตัดกระเพาะอาหารจำเป็นจะต้องได้รับการปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการ และเข้าใจถึงข้อควรระวังต่างๆ รวมถึงผลของการรักษาและวิธีการทำอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสุขภาพของคุณ
“การผ่าตัดกระเพาะอาหารอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วนและหาทางออกด้วยวิธีอื่นไม่สำเร็จ มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสุขภาพที่ดีกว่าได้”
บทความโดย
นายแพทย์กำพล เติมอัครถาวร
แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
แผนก ศัลยกรรมทั่วไป อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2145-2146