“ถ่ายเป็นเลือด” เมื่อมีอาการแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมเกิดความผิดปกติในร่างกาย แต่บางคนยังชะล่าใจและคิดไปว่าคงเป็นแค่ผลกระทบทั่วไปจากอาการท้องผูก โดยลืมไปว่าจริงๆ แล้วอาการถ่ายเป็นเลือดนั้นเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่หลากหลาย
รวมไปถึงภัยเงียบที่น่ากลัวอย่าง “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” ดังนั้น หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด ปวดท้องบ่อยๆ หรือมีปัญหาระบบขับถ่ายเรื้อรัง “การส่องกล้องลำไส้ใหญ่” ก็เป็นสิ่งสำคัญ!! ที่ไม่ควรมองข้าม
รู้ไหม? แม้ไม่ได้ถ่ายเป็นเลือด การตรวจ “ส่องกล้องลำไส้ใหญ่” ก็สำคัญ
แม้ว่า “ถ่ายเป็นเลือด” จะเป็นอาการที่แสดงถึงความผิดปกติบริเวณลำไส้ใหญ่ที่พบได้บ่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ชี้ชัดว่ามาจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เสมอไป อาจเป็นสัญญาณที่เกิดจากโรคริดสีดวงทวาร โรคเส้นเลือดของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ มีติ่งเนื้องอกลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้ใหญ่อักเสบ ได้เหมือนกัน รวมไปถึงในบางกรณี ผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ไม่ได้มาด้วยอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะฉะนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าอาการที่เป็นอยู่ไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่จึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้รู้ได้
แล้ว “ถ่ายเป็นเลือด” เป็นอาการเตือนของโรคใดได้บ้าง
การถ่ายเป็นเลือดถือว่าเป็นอาการหลักของโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งเกิดจากการออกแรงเบ่งอุจจาระจากการท้องผูก หรือท้องเสีย ทำให้เส้นเลือดดำที่ปลายทวารหนักบวมและไม่ยุบลงไป เกิดเป็นตุ่มริดสีดวง บางคนที่ริดสีดวงอักเสบมากๆ จนหลุดออกมาด้านนอกก็จะรู้สึกเจ็บเวลาเดินหรือนั่งอย่างมาก เมื่อเป็นริดสีดวงทวารเวลาขับถ่ายก็จะมีเลือดออกมาเป็นหยดหลังการถ่าย โดยผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเจ็บบริเวณทวารหนัก คันบริเวณก้น และขับถ่ายลำบากร่วมด้วย
-
- โรคเส้นเลือดของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ
เกิดจากเส้นเลือดเส้นเล็กๆ มีจำนวนมากขึ้นผิดปกติ ทำให้เวลาขับถ่ายมีเลือดออกมาด้วยทั้งแบบก้อนและแบบน้ำเลือด โดยไม่มีอาการปวดท้อง โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 70 ปี ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคนี้บางคนเลือดจะหยุดได้เอง แต่ก็ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
เป็นเนื้องอกที่เกิดจากกรรมพันธุ์ผิดปกติ มักพบในผู้ชายมากกว่าเพศหญิงที่อายุมากกว่า 50 ปี สามารถพัฒนาเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงให้เห็น แต่บางครั้งจะมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่ ทำให้มีเลือดเคลือบผิวอุจจาระที่ขับถ่ายออกมา ผู้ป่วยจะมีอาการเป็นๆ หายๆ โดยแพทย์จะแนะนำให้คนที่อายุมากกว่า 50 ปีตรวจลำไส้ใหญ่เพื่อตรวจหาติ่งเนื้อที่อาจเกิดขึ้น
เกิดจากโรคติดเชื้อบางชนิด เช่น โรคบิดทั้งมีตัวและไม่มีตัว อาการหลักๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อ คือ มักถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายบ่อยๆ มีไข้ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกร่วมกับมีเลือด หรือถ่ายเป็นเลือด
เป็นมะเร็งที่พบบ่อยทั้งในไทยและทั่วโลก ส่วนใหญ่พบในคนที่อายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งนอกจากผู้ป่วยจะมีอาการอุจจาระมีเลือดปนแล้ว ลักษณะของการขับถ่ายที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือท้องผูก หรือท้องผูกสลับกับท้องเสีย รวมไปถึงอุจจาระลำเล็กลง ลีบลงจากเดิม หรือในบางรายอาจมาด้วยอาการปวดท้องรุนแรงโดยไม่ได้ถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นตรงบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนต้น มะเร็งชนิดนี้มักรักษาไม่หายขาด ต้องใช้การส่องกล้องหรือวิธีอื่นเพื่อตรวจหาโรค และตัดเนื้อร้ายออกเพื่อป้องกันการลุกลามของโรค
ใครบ้างที่ควรตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่...แม้จะไม่มีอาการ!
สำหรับคนที่ไม่ได้มีอาการข้างต้น แต่อยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่มีพฤติกรรมชอบกินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อแดง กินอาหารไขมันสูง ไม่ค่อยกินผักผลไม้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีอาการลำไส้อักเสบเรื้อรังมานาน
ก่อนส่องกล้องลำไส้ใหญ่...ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
- เลือกทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย ประมาณ 3 วันก่อนเข้ารับการตรวจ
- งดทานผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใย
- ทานยาระบาย ให้ตรงตามคำแนะนำของแพทย์
- งดทานอาหารและเครื่องดื่ม ภายใน 8-10 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการส่องกล้อง
- ควรมีญาติหรือคนดูแลมาด้วย (เพราะบางกรณีแพทย์อาจมีการใช้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ)
หลังตรวจส่องกล้อง...หากมีสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์
- อุจจาระมีเลือดปนออกมามากผิดปกติ
- ปวดท้องมาก ท้องแข็ง
- มีไข้สูง
เพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณลำไส้ใหญ่นั้นสามารถสันนิษฐานได้หลายโรค ดังนั้น การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ จึงเป็นวิธีการค้นหาสาเหตุของความผิดปกติที่ไม่ควรมองข้างม เพื่อนำไปสู่การพบโรคและการรักษาที่ตรงกับอาการของผู้ป่วยจริงๆ