ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด...คู่มือสำหรับคุณผู้หญิง
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
21-ม.ค.-2568

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด...คู่มือสำหรับคุณผู้หญิง

ในปัจจุบันยาคุมกำเนิดเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แต่ยังมีหลายคำถามที่ผู้คนสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน ประสิทธิภาพ และผลข้างเคียง ในบทความนี้ เราจะตอบทุกข้อสงสัยเพื่อช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด พร้อมทั้งเคล็ดลับการใช้งานที่ถูกต้อง ปลอดภัย และได้ผลจริง

 


ยาคุมกำเนิดคืออะไร? รู้จักให้ดี ก่อนใช้ให้ถูก

ยาคุมกำเนิดเป็นนวัตกรรมสำคัญทางการแพทย์ที่ช่วยผู้หญิงทั่วโลกในการวางแผนชีวิตและป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยยานี้มีฮอร์โมนที่ทำงานอย่างเป็นระบบในร่างกาย โดยทำหน้าที่ต่างๆ ดังนี้

  • หยุดการตกไข่ ทำให้ไข่ไม่ถูกปล่อยจากรังไข่
  • เปลี่ยนแปลงมูกปากมดลูกให้เหนียวขึ้นจนสเปิร์มเคลื่อนที่ได้ยาก
  • ลดความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิไม่สามารถฝังตัวได้

 

ยาคุมกำเนิดมีกี่ประเภท? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

การเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อฮอร์โมนแตกต่างกัน ประเภทของยาคุมจึงแบ่งออกเป็นดังนี้

  1. ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pill) : เหมาะสำหรับผู้หญิงทั่วไป มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดสิว และทำให้รอบเดือนเป็นปกติ
  2. ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Mini Pill) : มีเฉพาะโปรเจสเตอโรน เหมาะสำหรับคุณแม่ให้นมบุตรหรือผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
  3. ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Pill) : ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ลืมคุมกำเนิดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ควรใช้บ่อยเพราะอาจส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว
  4. ยาคุมแบบฝังและแผ่นแปะ : เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกกินยาคุมทุกวัน ให้ผลระยะยาวและสะดวกต่อการใช้งาน

 


วิธีกินยาคุมที่ถูกต้อง

  • ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน : กินวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวัน เริ่มกินตั้งแต่วันที่ 1 ของรอบเดือน หรือวันแรกหลังมีประจำเดือน
  • ยาคุมฉุกเฉิน : กินทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดยอ่านคำแนะนำข้างกล่องอย่างละเอียด

 

กินยาคุมอย่างไรให้ได้ผล? เคล็ดลับที่หลายคนอาจมองข้าม

  • เวลาเดิมทุกวัน : กินยาคุมกำเนิดในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อลดความเสี่ยงของการลืมและเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด
  • ควรเริ่มเมื่อไหร่? : วันแรกของรอบเดือน (มีผลคุมกำเนิดทันที) หรือหากเริ่มหลัง 5 วันแรกของรอบเดือน ควรใช้วิธีป้องกันเสริม เช่น ถุงยางอนามัย ใน 7 วันแรก

 


คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ “ยาคุมกำเนิด”
1.
ลืมกินยาคุมต้องทำอย่างไร?

  • หากลืมไม่เกิน 12 ชั่วโมง : กินเม็ดที่ลืมทันที และกินเม็ดถัดไปตามเวลาเดิม
  • หากลืมเกิน 12 ชั่วโมง : ใช้วิธีป้องกันเสริมในช่วง 7 วันถัดไป

2. ผลข้างเคียงของยาคุมมีอะไรบ้าง?

ตอบ ผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัว น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อารมณ์แปรปรวน หรือในบางรายอาจไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

แต่หากมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที

3. 
ยาคุมกำเนิดทำให้อ้วนจริงหรือไม่?

ตอบ ไม่ได้ทำให้อ้วนโดยตรง แต่บางคนอาจรู้สึกบวมน้ำหรือหิวบ่อยขึ้นในช่วงแรก

4. 
ยาคุมช่วยเรื่องสิวได้ไหม?

ตอบ ยาคุมฮอร์โมนรวมบางยี่ห้อช่วยลดสิวได้โดยลดการผลิตน้ำมันใต้ผิวหนังและปรับสมดุลฮอร์โมน

5. 
ยาคุมฉุกเฉินปลอดภัยหรือเปล่า?

ตอบ ปลอดภัยหากใช้ไม่บ่อย แต่ไม่แนะนำให้ใช้แทนยาคุมปกติ เพราะอาจส่งผลต่อฮอร์โมนและรอบเดือน

6.
ต้องหยุดพักการกินยาคุมบ้างไหม?

ตอบ ไม่จำเป็นต้องหยุดพักหากไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

7.
ยาคุมหมดอายุแล้วยังใช้ได้ไหม?

ตอบ ไม่ควรใช้ เพราะอาจไม่มีประสิทธิภาพ

8.
กินยาคุมกำเนิดเวลาที่ต่างกันทุกวันได้หรือไม่?

ตอบ ควรกินในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

9.
ต้องหยุดพักการใช้ยาคุมหลังใช้ไปนาน ๆ หรือไม่?

ตอบ ไม่จำเป็นต้องหยุดพักยาคุม หากไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงและใช้อย่างถูกต้อง

 

ข้อดีและข้อเสียของยาคุมกำเนิด

ข้อดีที่มากกว่าการคุมกำเนิด

  • ช่วยลดสิวและปรับสมดุลฮอร์โมน
  • ลดอาการปวดประจำเดือนและรอบเดือนที่มาไม่ปกติ
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (กรณีที่ไม่มีประวัติเสี่ยงในครอบครัว)

 

ข้อเสียที่ควรระวัง

  • ผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน
  • เพิ่มความเสี่ยงของโรคลิ่มเลือดอุดตันในบางคน
  • ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs)

 


ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด

ความเชื่อ : ยาคุมป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%

ความจริง : แม้มีประสิทธิภาพสูง แต่หากลืมกินหรือใช้งานผิดวิธี ความเสี่ยงยังมีอยู่

 

ความเชื่อ : การกินยาคุมระยะยาวทำให้มีบุตรยาก

ความจริง : เมื่อหยุดใช้ยาคุม ร่างกายจะกลับสู่ภาวะปกติ และสามารถมีบุตรได้

 

คำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับยาคุม

  1. ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ : โดยเฉพาะหากคุณมีประวัติโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือโรคลิ่มเลือด
  2. อย่าเลือกยาคุมเองจากคำแนะนำทั่วไป : ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เหมาะกับคนอื่นอาจไม่เหมาะกับคุณ
  3. คุมกำเนิดอย่างรอบคอบ : ใช้วิธีเสริม เช่น ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 

ยาคุมกำเนิดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ หากใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม การเข้าใจถึงประเภท วิธีการใช้ และผลข้างเคียงจะช่วยให้คุณใช้ยาคุมได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจที่สุด

ทั้งนี้ คำอธิบายต่างๆ ในบทความนี้อาจเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับยาคุมกำเนิดเท่านั้น เพราะผลข้างเคียง หรือผลของการกินยาคุมกำเนิดในแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปในท้ายที่สุด หากต้องการคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดเหมาะ อย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อข้อมูลที่เหมาะสมกับตัวคุณ

 

บทความโดย

แพทย์หญิงญัฐณิชา สิมะโรจนา

แพทย์ประจำสาขาสูตินรีเวช

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2201-2202
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn