“ เป็นแผลในปากเรื้อรัง ระวัง “ โรคตุ่มน้ำพอง หรือ โรคเพมฟิกัส “ นพ.กวี ชินศาศวัต อายุรแพทย์ “
โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4
25-พ.ย.-2563

โรคตุ่มน้ำพอง หรือ โรคเพมฟิกัส Pemphigus เกิดจากภูมิต้านทานผิดปกติและมีการสร้างสารแอนติบอดี้สารน้ำ มาทำให้การยึดเกาะของเซลล์ผิดปกติ เซลล์ไม่สามารถยึดเกาะได้ ทำให้ผิวลอกโดยเฉพาะชั้นหนังกำพร้า ซึ่งส่วนบนเรียกว่า Pemphigus Foliaceus ส่วนล่าง เรียกว่า Pemphigus Vulgaris



อาการของโรคตุ่มน้ำพอง

เป็นแผลในปากประมาณ50-70% ลักษณะของแผลจะเป็นแผลถลอก บริเวณเพดานปาก เยื่อบุแก้ม ซึ่งจะเป็นเรื้อรัง 5 เดือน ขึ้นไป  ทำให้รับประทานอาหารลำบาก บางรายอาจเป็นแผลที่หลอดอาหาร ทำให้กลืนลำบาก ที่กล่องเสียงทำให้เสียงแหบ ที่ทางเดินหายใจและอวัยวะเพศช่องคลอด ท่อปัสสาวะ รวมถึงลำไส้ใหญ่ส่วนปลายได้ หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ลักษณะจะเป็นผื่นแดงๆ ก่อนจะเป็นตุ่มน้ำพองใส เมื่อตุ่มน้ำพองใสแตกจะขยายออกเป็นวงกว้าง เกิดเป็นแผลถลอกโดยจะมีสะเก็ดน้ำเหลือง ทำให้ปวดแสบปวดร้อนมาก หลังจากนั้นจะเป็นแผลถลอกในระยะหนึ่งและแผลจะหายมีลักษณะกลายเป็นสีดำคล้ำ จะไม่เป็นแผลเป็นเนื่องจากเป็นแค่บนชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น

 

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคตุ่มน้ำพอง ?

มักจะเกิดกับคนที่มีอายุ 50-60 ปี ขึ้นไป แต่อายุอื่นสามารถเป็นได้เช่นเดียวกัน และในผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเป็นพอๆ กัน

 

โรคตุ่มน้ำพอง รักษาได้อย่างไร ?

โรคตุ่มน้ำพอง สามารถรักษาได้โดยแพทย์จะทำการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ร่วมกับยากดภูมิต้านทาน เพื่อทำการรักษาให้หายได้เร็วที่สุด ซึ่งในคนไข้บางรายอาจจะรักษาหายไปประมาณ 3-5 ปี อาจจะกลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก

 

ควรดูแลตัวเองอย่างไร หากเป็นโรคตุ่มน้ำพอง

1.ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ไม่ควรรับประทาน ของหมัก ของดอง และอาหารไม่สุก

2.ควรระวังดูแลแผลการใช้น้ำเกลือชุบแผลโดย Gauze ขณะที่แฉะอยู่ เนื่องจากโอกาสติดเชื้อมีสูง หากไม่ดูแลรักษาอาจทำให้ติดเชื้อ เกิดเป็นฝี หนอง  หรืออาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้

3.ไปพบแพทย์ตามนัด หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรงควรรีบเข้าพบแพทย์ในทันที

4.ระวังการติดเชื้อฉวยโอกาสที่ปอด ทางเดินอาหาร ระบบปัสสาวะ เนื่องจากได้ยากดภูมิต้านทาน


อย่างไรผู้ป่วยโรคตุ่มน้ำพองควรปฏิบัติตนโดยการรับประทานผักผลไม้ อาหารที่มีประโยชน์ ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักเกินไปเนื่องจากผู้ที่ป่วยโรคตุ่มน้ำพองจะมีแผลถลอกเป็นจำนวนมากเพราะฉะนั้นการออกกำลังกายหนักจะทำให้มีเหงื่อออกมากอาจจะเกิดผลกระทบต่อแผลได้ ที่สำคัญผู้ที่ป่วยโรคตุ่มน้ำพองควรอยู่ในภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด  โรคที่มีลักษณะคล้ายกันคือ บลูลัสเพมฟิกอยด์ ( Bullous  pemphigoid ) มีการแยกของชั้นระหว่างหนังแท้กับหนังกำพร้า ตุ่มพอง อาจจะแตกยากขึ้น หนักกว่า มีแผลเป็นได้ และมีแผลในปาก 20-30% วิธีการรักษาเหมือนกัน

 

ข้อมูลจาก นพ.กวี ชินศาศวัต

อายุรแพทย์ คลินิกอายุรกรรม

โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4