การฉีด ‘วัคซีน HPV’ ให้ได้ผลดี คือการฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และอยู่ในช่วงวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ได้ดี เชื้อไวรัส HPV นับว่าเป็นเชื้อที่มีการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด โดยมีรายงานว่า
นี่จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้...หลายคนตระหนักถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรค
วัคซีน HPV ฉีดแล้ว...ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มากแค่ไหน
เชื้อไวรัส HPV ที่ก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักนั้นมีอยู่กว่า 40 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกที่พบมากถึง 70% คือสายพันธุ์ 16 และ 18 จึงได้มีการผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ขึ้น ทั้งนี้...ยังมีไวรัส HPV สายพันธุ์อื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ทำให้วัคซีน HPV ไม่สามารถป้องกันเชื้อ HPV บางสายพันธุ์ที่ไม่ได้นำมาผลิตเป็นวัคซีนได้
อีกกรณีที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจไม่ได้ผลดีที่สุด คือกรณีที่ผู้รับวัคซีนเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ทำให้มีโอกาสว่าอาจเคยสัมผัสหรือได้รับเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกมาก่อนที่จะฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนภายหลังก็ยังถือว่ามีประโยชน์ในการป้องกันการเกิดโรคและการรับเชื้อเดิมซ้ำๆ เพิ่มเติม
ฉีดวัคซีน HPV ควรฉีดตอนไหนษจึงได้ผลดีที่สุด
ด้วยปัจจัยข้างต้น ทำให้ปัจจุบันมีการส่งเสริมการฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และจากงานวิจัยที่พบว่า เด็กช่วงอายุ 9-15 ปี นั้น การฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม จะได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 เข็มในผู้ใหญ่ เนื่องจากร่างกายของเด็กในช่วงวัยนี้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ได้ดี ดังนั้นในหลายๆ ประเทศรวมทั้งในประเทศไทยจึงได้มีการรณรงค์ ให้เริ่มฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุ 9 ปี เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพจากวัคซีนสูงสุด
ส่วนในเด็กผู้ชาย ควรฉีดในช่วงอายุ 9-26 ปี โดยฉีดวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ เพื่อช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก เพราะพบว่าการติดเชื้อ HPV นั้น เพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งทวารหนักในเพศชาย มากพอๆ กับการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงเลยทีเดียว
ป้องกันได้ดีกว่า! หากตรวจคัดกรองร่วมด้วย
นอกจากการป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยการฉีดวัคซีน HPV แล้ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ โดยวิธีการตรวจที่มีทั้งหมด 3 วิธี คือ
มะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่รู้สาเหตุการเกิดค่อนข้างชัดเจน และสามารถป้องกันหรือลดเสี่ยงได้ด้วยการฉีด วัคซีน HPV และ ตรวจภายใน เป็นประจำ ผู้หญิงทุกคนจึงควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการมีอาการแล้วจึงไปพบแพทย์ ทั้งการตรวจพบโรคเร็วก็มีโอกาสรักษาให้หายได้มากกว่าด้วย