ทำไมถึงควรฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
โรงพยาบาลเปาโล
24-ม.ค.-2566

การฉีด ‘วัคซีน HPV’ ให้ได้ผลดี คือการฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และอยู่ในช่วงวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ได้ดี เชื้อไวรัส HPV นับว่าเป็นเชื้อที่มีการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด โดยมีรายงานว่า

  • ในปี ค.ศ. 2003-2006 ผู้หญิงในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการติดเชื้อ HPV มากกว่า 1 สายพันธุ์ ถึง 21.6% และ
  • ในปี ค.ศ. 2008 ได้มีรายงานจาก Sexually Transmitted Diseases ว่ามีผู้ติดเชื้อ HPV  ที่เป็นผู้หญิงกว่า 39.9 ล้านคน และผู้ชายอีกกว่า 39.2 ล้านคน

 

นี่จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้...หลายคนตระหนักถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรค

 

วัคซีน HPV ฉีดแล้ว...ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มากแค่ไหน

เชื้อไวรัส HPV ที่ก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักนั้นมีอยู่กว่า 40 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกที่พบมากถึง 70% คือสายพันธุ์ 16 และ 18 จึงได้มีการผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ขึ้น ทั้งนี้...ยังมีไวรัส HPV สายพันธุ์อื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ทำให้วัคซีน HPV ไม่สามารถป้องกันเชื้อ HPV บางสายพันธุ์ที่ไม่ได้นำมาผลิตเป็นวัคซีนได้

 

อีกกรณีที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจไม่ได้ผลดีที่สุด คือกรณีที่ผู้รับวัคซีนเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ทำให้มีโอกาสว่าอาจเคยสัมผัสหรือได้รับเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกมาก่อนที่จะฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนภายหลังก็ยังถือว่ามีประโยชน์ในการป้องกันการเกิดโรคและการรับเชื้อเดิมซ้ำๆ เพิ่มเติม

 

ฉีดวัคซีน HPV ควรฉีดตอนไหนษจึงได้ผลดีที่สุด

ด้วยปัจจัยข้างต้น ทำให้ปัจจุบันมีการส่งเสริมการฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และจากงานวิจัยที่พบว่า เด็กช่วงอายุ 9-15 ปี นั้น การฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม จะได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 เข็มในผู้ใหญ่ เนื่องจากร่างกายของเด็กในช่วงวัยนี้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ได้ดี ดังนั้นในหลายๆ ประเทศรวมทั้งในประเทศไทยจึงได้มีการรณรงค์ ให้เริ่มฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุ 9 ปี เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพจากวัคซีนสูงสุด

 

ส่วนในเด็กผู้ชาย ควรฉีดในช่วงอายุ 9-26 ปี โดยฉีดวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ เพื่อช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก เพราะพบว่าการติดเชื้อ HPV นั้น เพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งทวารหนักในเพศชาย มากพอๆ กับการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงเลยทีเดียว

 

ป้องกันได้ดีกว่า! หากตรวจคัดกรองร่วมด้วย

นอกจากการป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยการฉีดวัคซีน HPV แล้ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ โดยวิธีการตรวจที่มีทั้งหมด 3 วิธี คือ

  • การตรวจ Pap smear เป็นการใช้ไม้พายเล็กๆ เก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้มีความแม่นยำประมาณ 50%
  • การตรวจ ThinPrep เป็นการใช้อุปกรณ์เฉพาะในการเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูก ก่อนใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พ เพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการต่อไป วิธีนี้มีความแม่นยำประมาณ 90-95%
  • การตรวจ ThinPrep + HPV DNA Test วิธีนี้เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูงที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจดีเอ็นเอของเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก ซึ่งหากตรวจแล้วไม่พบว่ามีการติดเชื้อ ก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99% เลยทีเดียว

 

มะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่รู้สาเหตุการเกิดค่อนข้างชัดเจน และสามารถป้องกันหรือลดเสี่ยงได้ด้วยการฉีด วัคซีน HPV และ ตรวจภายใน เป็นประจำ ผู้หญิงทุกคนจึงควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการมีอาการแล้วจึงไปพบแพทย์ ทั้งการตรวจพบโรคเร็วก็มีโอกาสรักษาให้หายได้มากกว่าด้วย