คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากว่า 50% ของคนไทยทั้งประเทศ ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวันในการเรียนหรือการทำงาน ในหนึ่งวันอาจต้องใช้สายตากับคอมพิวเตอร์ นานกว่า 8 - 10 ชั่วโมง อีกทั้งสมาร์ทโฟนที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันทำให้เราใช้สายตาแทบไม่ได้หยุดพัก พฤติกรรมการใช้สายตาเป็นระยะเวลานานติดต่อกันในระยะยาว อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคทางสายตา เช่น ปวดตา ตาแห้ง ปวดศีรษะ และต้นคอ จึงควรดูแลป้องกัน และถนอมสายตาที่ช่วยปกป้องดวงตาของคุณ ใช้งานดวงตากับคอมพิวเตอร์อย่างรู้เท่าทัน สำหรับใครที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้สายตากับคอมพิวเตอร์ให้น้อยกว่า 8 - 10ชั่วโมงได้ มีข้อแนะนำสำหรับการใช้คอมพิวเตอร์ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการนั่งใช้คอมพิวเตอร์บริเวณที่มีลมพัด ทั้งจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ แนะนำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กะพริบตาบ่อยๆ เมื่อรู้สึกเคืองตา หากมีอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียม จะช่วยให้อาการเคืองตาดีขึ้นได้
- หยุดพักสายตาทุก 30 นาทีของการใช้คอมพิวเตอร์ โดยการมองไปบริเวณกว้างๆ เช่น นอกหน้าต่างอย่างน้อย 3-5 นาที ก่อนกลับมาทำงานกับคอมพิวเตอร์ใหม่ จะช่วยลดอาการปวดตาและตาพร่าได้
- ปรับความสว่างหน้าจอ อุปกรณ์เหล่านี้จะตั้งค่าสว่างในระดับที่ช่วยให้คุณเห็นภาพสวย คมชัด แต่บางทีก็สว่างเกินไปหากต้องจ้องมองนานๆ ลองปรับลดความสว่างพอให้สบายตา และไม่ทำให้ตาแห้งหรือแสบตา
พาตัวเองออกจากโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียได้เข้ามาสร้างสีสัน และความสะดวกสะสบายในชีวิตเรามากขึ้น คุณสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ทั่วทุกมุมโลกและตลอดเวลา แต่ก็สร้างปัญหาให้เราได้เช่นกันโดยเฉพาะดวงตาที่ต้องเผชิญกับแสงจ้าบนหน้าจอ แนะนำให้วางสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตลง จำกัดเวลาการเล่นเช่น 1 ชั่วโมงแล้วหยุดเล่น หันไปทำอย่างอื่นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ นอกจากนี้ ควรเล่นในที่ๆ มีแสงสว่างเพียงพอ ปรับขนาดตัวหนังสือให้อ่านง่าย ไม่เล็กเกินไป
ให้รางวัลดวงตาเมื่อใช้งานนาน ก็ต้องรู้จักบำรุง
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในการบำรุงสายตา ผลงานวิจัยระบุว่าวิตามินเอจะช่วยในการมองเห็น และยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะตาแห้ง และเลือกรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะพบมากในผัก และผลไม้ต่างๆ เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ รวมถึงในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ เช่น สตอร์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และแบล็คเคอร์เรนท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบุว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีแอนโทไซยานิน ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา ช่วยเรื่องการมองเห็นในเวลากลางคืน และช่วยให้การไหลเวียนเลือดในเส้นเลือดฝอยดีขึ้นอีกด้วย
หมั่นออกกำลังพักผ่อนให้เพียงพอ ก็สามารถถนอมสายตาได้
นอกจากการบำรุงสุขภาพตาแล้ว สุขภาพร่างกายก็สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่ดวงตาดีขึ้น หากต้องออกแดดหรือขับรถ ควรสวมแว่นกันแดด
ควรตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์เป็นประจำ
เพื่อสายตาที่ดีที่สุด ทำงานได้สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะในรายที่มีปัญหาการมองเห็น ตาแห้ง ปวดตาอยู่บ่อยๆ หรือเคืองตา ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อดูแลรักษาสุขภาพดวงตาอยู่เสมอ มีบางรายสายตาไม่ปกติทำให้มีอาการปวดตา ปวดศีรษะ ทำงานไม่ได้เต็มที่ เพียงแก้ไขสายตาทุกอย่างจะเป็นปกติ ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น นอกจากนี้โรคตาบางโรคไม่แสดงอาการให้เห็นจนกว่าจะอยู่ในขั้นรุนแรง ซึ่งอาจไม่สามารถรักษาให้เป็นปกติได้ ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตาโดยละเอียด อย่างน้อยสองปีหนึ่งครั้ง และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพราะโอกาสที่จะเกิดโรคตามีสูงขึ้นพร้อมกับอายุที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น โรคต้อหินที่พบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
พญ. วรภา ลีลาพฤทธิ์
ศัลยแพทย์ตกแต่งจักษุ และเสริมสร้าง
โรงพยาบาล เปาโล พหลโยธิน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 0-2271-7000 ต่อ ตา (Absolute Beauty Eye)