เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อย และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้มาก ส่วนโรคเส้นประสาทก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความพิการ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน และควบคุมโรคได้ไม่ดีทั้งในเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ผู้ป่วยบางรายอาจพบโรคระบบประสาทในขณะที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยเบาหวานชนิดที่ 2 ก็ได้ เนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่มีอาการเบาหวานมากนัก แต่เป็นโรคมานาน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา และเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในที่สุด
สาเหตุและกลไกของโรค
ความเสื่อมของเส้นประสาทนี้เชื่อว่ามีหลายสาเหตุร่วมกัน แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุดคือ การบาดเจ็บของหลอดเลือดขนาดเล็กจากอนุมูลอิสระของออกซิเจนร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของซอร์บิทอลจากเอนไซม์ Aldose Reductase ที่เหนี่ยวนำโดยระดับกลูโคลที่สูงขึ้นในเลือด การเพิ่มขึ้นนี้มีผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาท และมีการสร้างอนุมูลอิสระของออกซิเจนเพิ่มขึ้น การกระตุ้น Protein kinase C การสะสมของสาร Advanced Glycation Endproducts มีการสะสมของสารประกอบทางภูมิคุมกัน สารสื่ออักเสบ และการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้อง
โรคระบบประสาทในผู้ป่วยเบาหวาน
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือแตก ผู้ป่วยอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก เดินเซ พูดไม่ชัด ปวดศีรษะรุนแรง หรือซึม สับสนอย่างเฉียบพลัน
- ปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน (Peripheral Neuropathy) ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการปวดแสบ ชาปลายมือ ปลายเท้า อาจนำมาด้วยแผลเรื้อรังที่เท้า
- เส้นปลายประสาทอักเสบส่วนต้น (Proximal Neuropathy) ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการปวดบริเวณต้นขา ปวดก้นกบ รวมถึงบริเวณสะโพก เวลาลุกจากท่านั่งลำบาก
- เส้นประสาทอัตโนมัต (Autonomic neuropathy) ผู้ป่วยอาจมีอาการกลั้นอุจาระ ปัสสาวะลำบาก ท้องผูกเรื้อรัง คลื่นไส้ อาเจียนจากกระเพาะอาหารไม่ทำงาน ไม่รับรู้อาการน้ำตาลต่ำ และหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- เส้นประสาทสมอง เช่น หนังตาตก หรือเห็นภาพซ้อน
การวินิจฉัย
นอกจากประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด ควรมีการส่งตรวจทำ MRI หรือการตรวจเส้นประสาทเพิ่มเติม(Nerve Conductive Study)
การรักษา
สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ การป้องกันโรค การบรรเทาอาการ และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- การป้องกันหรือชะลอโรค ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมเบาหวานอย่างเคร่งครัด จากการศึกษาระยะยาวพบว่าสามารถป้องกัน หรือชะลอโรคเส้นประสาทนี้ได้มาก ส่วนการรักษาที่มุ่งเป้าต่อพยาธิชีววิทยาของโรคนั้นพบว่ายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนถึงประโยชน์ทางเวชกรรม ไม่ว่าเป็นยากลุ่ม Aldose Reductase Inhibitor, Vasodilator, Protinr kinase Inhibitor, Nerve Growth Factor ฯลฯ ยาในกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น Alpha Lipoic acid นั้นมีข้อมูลบ้างที่สนับสนุนถึงประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดปลายประสาทจากโรคนี้
- การบรรเทาอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการปวดประสาทที่เรียกว่า ภาวะปวดเหตุจากพยาธิสภาพประสาท มักมีความทุกข์ทรมานจากโรคมาก ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การบรรเทาอาการปวดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหลายลักษณะร่วมกัน และมักไม่ตอบสนองกับยาแก้ปวดทั่วไป แต่จะตอบสนองกับยากลุ่มที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาทโดยตรง เช่น ยาต้านเศร้า และยากันชักนอกจากนั้นยาอื่นๆที่มักจะใช้เสริม เช่น ยาทา 0.075% Capsaicin Cream ยาเหล่านี้อาจให้ร่วมกันได้ เมื่อใช้ยาเดียวไม่ได้ผล การเลือกใช้ยาต่างๆ ควรพิจารณาตามลักษณะของผู้ป่วยแต่รายโรค รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- การป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจเท้า และรองเท้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและรักษาแผลที่อาจเกิดขึ้นได้แต่เนิ่นๆ อาจพิจารณาใช้รองเท้าพิเศษ หรือกายอุปกรณ์ถ้าจำเป็น ควรป้องกันอุบัติเหตุจากการสูญเสียความรู้สึก เช่น การสัมผัสจากสิ่งที่ร้อนโดยไม่ตั้งใจ หากมีปัญหาการเดิน ควรได้รับการฝึกสมดุลของการทรงตัว และการป้องกันการล้ม ผิวหนังในบริเวณแขนขา ที่มีปัญหาเส้นประสาทขนาดเล็ก มักแห้งและแตกง่าย จึงควรทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการแกะเกา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 0-2271-7000 ต่อ เบาหวานและเฉพาะโรค