วิตามิน อี (Vitamin E) หรือ Tocopherol เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ จำเป็นจะต้องได้รับจากการรับประทานเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมันมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิตามิน อี คือ เป็นตัวแอนตีออกซิแดนท์ (Antioxidant) และยังเป็นตัวช่วยระบบกล้ามเนื้อและการทำงานของตับ ถือได้ว่าวิตามินอี มีส่วนช่วยบำรุงตับ ซึ่งตับต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย วิตามิน อี จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดของตับด้วย
ทั้งนี้วิตามินอี ยังมีความสามารถในการ ต้านอนุมูลอิสระก่อให้เกิดความเสียหายในเซลล์และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของริ้วรอยที่ดูแก่ก่อนวัย โดยมีการศึกษาวิจัยพบว่า การได้รับวิตามินอีที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของเส้นผม ผิว และเล็บได้ และยังช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของผิวช่วยชะลอความแก่ นอกจากนี้ยังจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ทั้งยังส่งผลดีต่อกล้ามเนื้อให้มีความยืดหยุ่น ชุมชื่นจึงนับว่าเป็นอาหารผิวที่สาวๆ ขาดไม่ได้เลย
วิตามิน อี มีดีต่อผิวอย่างไร
- ช่วยในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ลดการเกิดริ้วรอย
- ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว สมานแผล
- ลดการอักเสบของสิว
- บำรุงเล็บ บำรุงผม
- เสริมการทำงานของฮอร์โมนเพศให้สมดุล
- เป็นสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ ต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินอีจากแหล่งธรรมชาติ
พบใน ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่ ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง งา เป็นต้น
ปริมาณการรับประทานที่เหมาะสม
วิตามินอีมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของเราก็จริงแต่ถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก ก็อาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินเอ ขนาดรับประทานในแต่ละวันที่แนะนำ คือ 400IU และไ
ม่ควรรับประทานติดต่อกันเกิน 3 เดือน เพราะวิตามินตัวนี้จะสะสมที่ไขมันได้ และมีผลเสียต่อตับได้

นพ.ธรณัส กระต่ายทอง
Personalized Rejuvenation
Personalized Rejuvenation Center อาคาร 4 ชั้น 1 โทร. 02-271 7000