ด้วยมลภาวะในปัจจุบันที่ก่อปัญหาให้ผิวหน้าโทรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงรอยต่างๆ ที่เกิดจากผด ผื่น สิว การแพ้เครื่องสำอางค์ หรือริ้วรอยจากการพักผ่อนน้อย ความเครียด จนถึงช่วงเวลาที่อายุมากขึ้นทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย มีจุดด่างดำ ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การแก้ปัญหาผิวหน้าที่สะสมมานาน คงต้องอาศัยการฟื้นฟู บำรุงอย่างมาก เพื่อให้กลับมาเนียนใส กระชับอีกครั้ง ซึ่งครีมบำรุงทั่วๆ ไปอาจไม่เพียงพอ การแก้ปัญหาผิวสะสมมีหลายวิธี แต่สิ่งสำคัญ ควรเลือกวิธีรักษาที่อ่อนโยน และปลอดภัย
ผิวหน้าของเราเป็นส่วนที่บอบบาง การทำ PRP จึงเป็นนวัตกรรมทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะตอบโจทย์ต่อทุกสภาพผิวพรรณ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างล้ำลึกเป็นพิเศษ
การทำ PRP ผิวหน้า
Platelet Rich Plasma (PRP) เป็นการนำพลาสม่าของตัวเองที่ได้จากการปั่น ผ่านกรรมวิธีการเฉพาะ จนได้พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือด และ Growth factor เข้มข้น ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการซ่อมแซม กระตุ้นการหายของแผล ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมไปถึงการสร้างเซลล์ผิวใหม่ แล้วฉีดกลับเข้าไปบนผิวหน้า เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
ข้อจำกัดการทำ PRP ผิวหน้า (ยกกระชับผิวหน้า ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น)
1. กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
2. มีผื่น หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
3. ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
4. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
5. ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
6. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
การเตรียมตัวก่อนทำ
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
2. ดื่มน้ำสะอาด ประมาณ 1.5 – 2 ลิตร
3. ห้ามรับประทานยาต้านการอักเสบ และการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม ASA หรือ NSIAD ก่อนทำ 2 - 3 วัน
4. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2 - 3 วัน 4 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับบริการ
5. งดอาหารที่มีไขมันสูง
6. ไม่ควรแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ
การดูแลหลังทำ PRP ผิวหน้า (ยกกระชับผิวหน้า ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น)
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควบคู่ไปกับการรักษา มีข้อควรปฏิบัติหลังจากทำ
1. งดล้างหน้า 4 - 6 ชั่วโมงแรกหลังการทำ
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2 - 3 วัน
3. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
4. งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
5. ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
6. ควรพักหน้า โดยงดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
7. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน(Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(Ibuprofen) ประมาณ 2 - 3 วัน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP ผิวหน้า (ยกกระชับผิวหน้า ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น)
หลังการทำ PRP จะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่ทำ แต่อาการดังกล่าวจะหายไป ภายใน 10 – 15 นาที บางรายอาจมีอาการฟกช้ำเล็กน้อย หรือบวมช้ำ โดยอาการบวม จะลดลงใน 2 - 3 วัน และอาการฟกช้ำจะหายภายใน 2 สัปดาห์ หลังทำไปแล้ว 2 - 4 สัปดาห์ สภาพผิวกลับมาอ่อนเยาว์ ดูเด็กขึ้นจนสังเกตได้ ผิวดูกระชับ ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวหน้าเปล่งปลั่ง และดูกระจ่างใส ผิวเนียนเรียบ ปัญหาจุดด่างดำ รอยแดง ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้านุ่มฟูกระชับ ผิวที่พรรณที่เคยโทรมก็จะกลับมาสดใส ดูสุขภาพดีกว่าที่เคย ที่สำคัญ PRP มีความปลอดภัยสูง อ่อนโยนต่อผิวบอบบางไม่เสี่ยงต่อการแพ้ใดๆ เพราะสกัดมาจากเกล็ดเลือดร่างกายตัวเอง ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล